แซ่บซี้ดมะนาวสงกรานต์ลูกละ 15 บาท

            มะนาวหน้าแล้งแพงจัด คาดสงกรานต์พุ่งลูกละ 15 บาท ส้มตำ–ต้มยำ–ชามะนาว จ่อขึ้นราคาเมนูละ 5–10 บาท บางรายประกาศงดขายชั่วคราว ด้าน “พาณิชย์” มองบวกชี้เป็นโอกาสทองของชาวสวน ขอให้ชาวบ้านเข้าใจกลไกตลาด แต่หากพบผู้ค้าฉวยขึ้นราคาแพงเกินจริง ให้ร้องสายด่วน 1569 ยันจัดการขั้นเด็ดขาด

          ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ประชาชนเริ่มได้รับความเดือดร้อนจากราคามะนาวที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยราคาขายปลีกมะนาวจัมโบ้บางตลาดลูกละ 8-10 บาท ขณะที่คาดว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงใกล้ๆ เทศกาลสงกรานต์ราคาอาจปรับไปอยู่ที่ลูกละ 12-15 บาท เพราะไทยเข้าสู่ฤดูร้อนและแห้งแล้งจนผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และเป็นมะนาวไม่มีน้ำ ส่งผลให้ผู้ค้าอาหารหลายประเภทที่ใช้มะนาวในการปรุง เตรียมปรับราคาอาหารอีกเมนูละ 5-10 บาท หรือติดป้ายประกาศงดจำหน่ายชั่วคราว เช่น ชามะนาว, ส้มตำ, ต้มยำกุ้ง รวมถึงร้านอาหารทะเลที่ใช้น้ำจิ้มซีฟู้ด

         ขณะเดียวกัน จากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าน้ำผลไม้ พบว่า หลายรายปรับกลยุทธ์ในการจำหน่าย โดยบางรายจะติดประกาศงดจำหน่ายชามะนาว หรือน้ำดื่มที่ผสมมะนาวชั่วคราวจนกว่าราคามะนาวจะเข้าสู่ภาวะปกติ เพราะไม่ต้องการปรับขึ้นราคาขายสินค้า ขณะที่หลายรายจะใช้วิธีขึ้นราคา 5 บาท หากลูกค้าต้องการมะนาว หรือผู้ค้าบางรายอาจนำน้ำมะนาวเทียมมาใช้ทดแทนมะนาวแท้

         ทั้งนี้ ล่าสุดจากการประกาศราคาของกรมการค้าภายในเฉลี่ยในตลาดต่างๆ พบว่า ราคามะนาวแป้นเบอร์ 1-2 เฉลี่ยลูกละ 6-7 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนลูกละ 1.5-2 บาท ขณะที่มะนาวแป้นเบอร์ 3-4 ราคาเฉลี่ยลูกละ 4.5-5 บาท เพิ่มขึ้นลูกละ 1 บาท    

         นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่า ภาวะภัยแล้งส่งผลทำให้สินค้าเกษตรหลายรายการ มีผลผลิตที่ลดลง และราคาปรับขึ้นสูง โดยเฉพาะมะนาว ซึ่งหากมองในมุมของเกษตรกรถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ชาวสวนมะนาวจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ และกรมคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่อาจจะเน้นการสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผลผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง เช่น แหล่งผลิตในจังหวัดเพชรบุรี สมุทรสาคร กระจายไปยังตลาดต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดแคลนมากนัก

       “มะนาวในช่วงอื่นราคาจะตกต่ำมาก เช่น ลูกละ 1-2 บาท จนเกษตรกรแทบไม่มีกำไร ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงแล้ง ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดจนราคาปรับเพิ่มขึ้น อยากให้ทุกฝ่ายเห็นใจชาวสวนด้วย เพราะราคาสูงแค่ปีละ 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการหรือชาวบ้านไม่สามารถรับภาระมะนาวที่ราคาสูงขึ้น ก็อาจหันไปใช้มะนาวสำเร็จรูป หรือส้มอย่างอื่นทดแทนชั่วคราวก่อนก็ได้ ซึ่งรสชาติไม่ต่างกันมากนัก”

 

ขอบคุณที่มา  https://www.thairath.co.th/content/1536073

ไม่มีความคิดเห็น: