สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO)

        สำนักงานสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกา (USPTO) ได้ประกาศรับรองสิทธิบัตรล่าสุดที่ทาง Apple ยื่นจดทะเบียนแล้ว ในหัวข้อที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีใหม่ของ Apple        ซึ่งจะมาพร้อมกับการติดตั้งกล้องหน้าหรือเซ็นเซอร์สแกนม่านตาที่ตัวสายนาฬิกา ทำให้ Apple Watchในอนาคตจะสามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ โดยภาพจะปรากฏบนหน้าจอของนาฬิกาเสมือนเป็น viewfinder ในกล้องถ่ายรูปนั่นเอง
        เบื้องต้น ตัวสิทธิบัตรระบุว่าสายนาฬิกาจะใช้วัสดุที่ยืดหยุ่น ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับงอสายเพื่อถ่ายรูปได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจากภาพตัวอย่างในสิทธิบัตรจะเห็นว่ากล้องจะติดไว้ที่สายบริเวณด้านบนของหน้าปัดนาฬิกา โดยคาดว่ากล้องหน้าดังกล่าวออกแบบมาเพื่อใช้งาน FaceTime รวมทั้งยังมีการอธิบายความเป็นไปได้ว่าในอนาคต Apple Watch จะติดทั้งกล้องหน้าหลัง รวมทั้งเซ็นเซอร์สแกนใบหน้าเหมือนใน iPhone ด้วย
        สำหรับ สิทธิบัตรดังกล่าวต้องบอกว่า Apple ยื่นจดกับทาง USPTO ตั้งแต่กันยายน 2016 แล้ว หลังจากเปิดตัว Apple Watch Series 2 เพียงสัปดาห์เดียว
 
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1478953/



เลขเด็ดคำชะโนดคึกคัก คนแห่ส่องขันน้ำมนต์


         บรรดานักเสี่ยงโชคแห่ทยอยเดินทางไปกราบไหว้สักการะ "คำชะโนด" อย่างไม่ขาดสาย แสวงหาแรงบันดาลใจให้งวดที่กำลังจะมาถึง พร้อมส่องเลขเด็ดในขันน้ำมนต์         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) บริเวณเกาะคำชะโนด บ้านโนนเมือง หมู่ที่ 11 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไหว้ ปู่ศรีสุทโธ และ แม่ย่าศรีปทุมมา อย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าด้านนอกเกาะและภายในเกาะ นักท่องเที่ยวที่มานั้นส่วนหนึ่งหวังหาตัวเลขและขอโชคลาภ ส่วนนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งที่นั้นมาขอความเป็นสิริมงคล ขอให้หน้าที่การงานก้าวหน้า กิจการที่ประกอบอยู่เจริญรุ่งเรื่อง สุดแท้แต่นักท่องเที่ยว         ส่วนภายในเกาะหลังจากนักท่องเที่ยวเข้ากราบปู่ย่า โดยมีพ่อจ้ำผู้พากล่าวแต่ละชุดนั้นไม่เกิน 15 นาที หลังจากนั้นผู้คนต่างพากันไปแสวงหาตัวเลขที่บริเวณโคนต้นไทรยักษ์ กราบไหว้แล้วเข้าลูบหาตัวเลขตามรากต้นไม้ตามลำต้น สุดแท้แต่จะมองเห็นเลขเด็ด แต่ที่เห็นชัดที่ทางเข้าต้นมะเดื่อยักษ์มีการนำเอาขันน้ำมนต์ที่มองเห็นตัวเลขชัดๆ มาวางไว้ให้คนส่อง         โดยขันนำมนต์ทั้ง 2 ขันตัว เลขก็ไม่ตรงกันคนยังแห่ส่องบางคนมองไม่เห็นให้ลูกหลานดูให้ ต่างก็บอกเป็นเสียงต่างกัน 203 หรือ 02 ส่วนอีกขันมองเห็นเป็นเลข 271 หรือ 27 เป็นต้น เป็นความเชื่อส่วนบุคคล         ในส่วนที่ลานบวงสรวงด้านเกาะคำชะโนด ก็พบว่ามีผู้คนเดินทางมาแก้บนกันไม่ขาดสาย บางคนมาเปิดทรัพย์รับโชคใกล้วันหวยออก ส่วนนาคน้อยก็มาแปลก ชี้เลขเด็ดในงวดนี้มี 513, 72, 52 หรือ 29 เป็นต้น นาคน้อยยังบอกว่า ที่ตนมารำถวายปู่นั้นไม่ได้รำใบ้หวยแต่อย่างใด แต่นักท่องเที่ยวนำไปตีเป็นเลขกันเอง ขอขอบคุณข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7817530/

ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านเพื่อเสริมดวงชะตาชีวิต

        ความเชื่อต้นไม้มงคลอยู่คู่คนไทยมาช้านาน โดยว่ากันว่าต้นไม้มงคลปลูกแล้วรวย ช่วยสนับสนุน ปกปักษ์รักษา ตลอดจนส่งเสริมความก้าวหน้ารุ่งเรือง หลายตำราหลากผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงหน้าบ้านซึ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนภายนอกพบเห็น เราจึงรวบรวมต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านที่เสริมสิริมงคลในแต่ละด้านมาให้คุณเลือกปลูกต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านเพื่อเสริมเสน่ห์เมตตามหานิยมต้นมะยม         เป็นต้นไม้ใหญ่มงคลปลูกหน้าบ้าน ที่เชื่อกันว่าจะช่วยทำให้คนนิยมชมชอบพร้อมช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย นอกจากนี้ ลูกมะยมยังมีประโยชน์ในการบำรุงโลหิต ปรับสมดุลในร่างกาย และชะลอวัยเนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนการปลูกก็ไม่ยาก เพียงนำเมล็ดมาตากแห้ง แช่ในน้ำร้อนสัก 1 นาที แล้วปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดและหมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นต้นชวนชม         หรือ "กุหลาบทะเลทราย" อยู่ในจำพวกพืชไม้ดอกไม้ประดับมงคล ที่ชื่อก็บอกแล้วว่ามีเสน่ห์ชวนหลงใหล ความสวยงามของต้นชวนชมไม่ได้อยู่ที่ดอกที่มีสีสันสวยงามเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ราก โขด และกิ่งก้านที่ผู้ปลูกสามารถดัดให้มีรูปร่างสวยแปลกตาได้ ไม่เพียงเท่านี้ ยังปลูกง่ายเลี้ยงง่ายในดินที่ระบายน้ำได้ดีและหมั่นรดน้ำทุกวันโดยห้ามมีน้ำขังก็พอต้นสาลิกาลิ้นทอง         เป็นไม้ดอกไม้ประดับมงคลที่เหมาะสำหรับปลูกที่บ้านและร้านค้า เพราะเชื่อกันว่าเสริมเสน่ห์ด้านการเจรจาที่จะช่วยให้ทำมาค้าขายดี ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านนี้มีลักษณะโดดเด่นที่ใบคล้ายใบโพธิ์หัวกลับและมีผลเล็ก ๆ เป็นช่ออยู่ตามซอกใบ และมีความพิเศษที่สามารถทำเป็นต้นไม้แคระหรือบอนไซได้ จึงเหมาะที่ไว้ที่หน้าร้านค้า ทาวน์เฮาส์ บ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่น้อยด้วยต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านเพื่อคุ้มครองป้องกันภยันตรายต้นทับทิม         จัดเป็นต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านที่ช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย โดยสามารถนำใบต้นทับทิมมาปะพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลหรือขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ อีกทั้งผลทับทิมก็ยังอุดมไปด้วยวิตามินซีและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันและบำรุงฟันให้แข็งแรงต้นโมก        เป็นหนึ่งในไม้ดอกไม้ประดับมงคล ที่คนโบราณเชื่อว่าช่วยคุ้มครองรักษาความปลอดภัยจากอันตรายภายนอก ต้นโมกเป็นพุ่มไม่สูงนัก มีดอกสีขาวที่มีกลิ่นหอม และมีสรรพคุณรักษาโรค เช่น ดอกนำมาทำเป็นยาระบายและรากนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังได้ หากต้องการให้ปลูกง่ายได้ผลดี ควรปลูกกลางแจ้งโดยวิธีปักชำต้นพุทธรักษา       เป็นไม้ดอกที่คนนิยมใช้ตกแต่งสวนและสถานที่ในหลายประเทศด้วยดอกที่มีหลากสีสันสดใส โดยคนไทยนิยมปลูกหน้าบ้านหรือรอบบ้าน โดยเฉพาะในวันพุธ เพื่อช่วยป้องกันอันตรายและทำให้บ้านร่มเย็นเป็นสุขสมดังชื่อพุทธรักษา นอกจากนี้ยังปลูกง่ายขยายพันธุ์ง่ายโดยปล่อยให้แตกหน่อเองได้ และไม่ต้องดูแลมากนัก แม้น้ำท่วมหรือแห้งแล้ง ก็อยู่รอดได้ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองต้นฝรั่ง       เป็นที่รู้กันว่า ฝรั่งมีประโยชน์หลายด้าน เช่น ชะลอวัย เสริมสร้างภูมิต้านทาน บำรุงผิวพรรณ ช่วยควบคุมน้ำหนัก รวมทั้งลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง แต่มีคนไม่มากนักที่รู้กันว่าฝรั่งเป็นต้นไม้มงคลยืนต้นที่ช่วยเสริมบารมีและความเจริญก้าวหน้า หากสนใจ ปลูกไม่ยากเลย เพราะเติบโตได้ดีในทุกสภาพดินและทนต่อความแห้งแล้ง เพียงแต่ระวังอย่าให้น้ำขังมากนักต้นราชพฤกษ์หรือต้นคูณ       หลายคนนิยมปลูกต้นไม้มงคลหน้าบ้านนี้เพื่อช่วยเสริมบารมี เกียรติยศ ชื่อเสียง และความเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถนำใบมาทำเป็นน้ำมนต์ในพิธีกรรม เช่น การสะเดาะเคราะห์ การวางเสาหลักเมือง และพิธีวางศิลาฤกษ์ ในการปลูกนั้น ให้ใช้วิธีเพาะเมล็ดในพื้นที่กลางแจ้งที่มีแดดจัดและให้น้ำสัปดาห์ละครั้งก็พอต้นวาสนา       คนไทยโบราณเชื่อว่า ต้นไม้มงคลปลูกหน้าบ้านนี้ช่วยส่งเสริมบุญวาสนา ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าและความมั่งคั่งได้ หากดูแลอย่างดีก็จะออกดอกที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งเชื่อกันว่าจะนำโชคลาภมาให้ นอกจากนี้ ต้นวาสนายังจัดเป็นต้นไม้ฟอกอากาศชั้นนำที่ช่วยดูดสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพดี และตอบโจทย์คนที่ไม่มีเวลาเพราะรดน้ำเพียงสัปดาห์ละครั้งสองครั้งก็ได้

ประโยคขอลาหยุดในภาษาอังกฤษ พูดอย่างไรได้บ้าง

อาการเจ็บป่วย ทำให้ไปเรียน/ทำงานไม่ไหว หรือมีธุระจำเป็นที่จะต้องขอลาหยุด เกิดได้กับทุกคนเป็นเรื่องปกติ แต่คงไม่ถูกใจคุณครูหรือหัวหน้างานนักหรอกที่จะขอลาหยุด ในเมื่อจำเป็นจริงๆ เราก็ควรจะมีประโยคพูดที่ทำให้คนฟังเข้าใจและเห็นใจด้วยประโยคที่สุภาพและแจ้งเหตุผลที่เหมาะสม เหมือนกับตัวอย่างที่เรานำมาฝากในวันนี้ ลองเลือกนำไปใช้ดูนะคะ           ประโยคขอลาหยุด           ในภาษาอังกฤษ           I’m very much regret to inform you that Ican not come to (work or Study) due to a doctor appointment.ฉันรู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถไป (ทำงาน/เรียน) ได้เนื่องจากฉันมีนัดพบแพทย์            Please forgive me for being unable to go to (work or Study) today, I think I’m coming down with the flu.ต้องขอโทษค่ะ ที่ไม่สามารถไป (ทำงาน/เรียน) ได้ในวันนี้ ฉันรู้สึกเป็นไข้หหวัด            I can’t stop coughing and I don’t want to spread the inflection to others therefore I call in sick.ฉันไอไม่หยุดเลยและไม่อยากให้คนอื่นติดเชื้อ จึงโทรมาขออนุญาตลาป่วย            I’ll be on funeral leave from…(date)…to…(date)…IF somethingurgent comes up, you can reach me on my cell phone.ฉันจะลากิจเพื่อไปงานศพในวันที่…ถึง…ถ้าหากมีเรื่องเร่งด่วนอะไร คุณสามารถติดต่อฉันได้ทางมือถือ            Please allow me to take a day off, I have to attend my son’s school play ;however, I will be in touch with the office on a regular basis.ได้โปรดอนุญาตให้ฉันหยุดงาน 1 วัน ฉันต้องไปงานแสดงของโรงเรียนของลูกชาย แต่ฉันจะติดต่อกับทางสำนักงานเป็นระยะ คำศัพท์เกี่ยวกับการลางาน    -  Leave : การลางาน    - Take a day off : หยุดงาน    - Call in sick : โทรลาป่วย
ขอขอบคุณข้อมูล : https://teen.mthai.com/education/164529.html

ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ

    ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ หากพบความผิดปกติต้องรีบมาพบแพทย์ บางส่วนสามารถแก้ไข และจำนวนมากชะลอโรคได้ถ้าพบระยะแรก พร้อมแนะ 11 วิธีป้องกันไม่ให้สมองเสื่อม
สมองเสื่อม คืออะไร?        นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการสมองเสื่อมคือภาวะที่มีการสูญเสียความสามารถทางสมอง เช่น ความจำ การรับรู้ ความเข้าใจ การใช้ภาษา ทิศทาง การใช้เหตุผลและการแก้ปัญหา มีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมและบุคลิกภาพ โดยมีผลกระทบต่อความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันและการเข้าสังคม และสมองเสื่อมเป็นภาวะที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นตามภาวะสังคมสูงวัย    ในอดีตเรามักเชื่อกันว่าอาการหลงลืมเป็นเรื่องปกติของคนสูงอายุเป็นการหลงลืมตามวัย แต่ความเชื่อดังกล่าวไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีผู้สูงอายุส่วนหนึ่งที่มีอาการสมองเสื่อม หากญาติหรือคนใกล้ชิดให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติและรีบนำมาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย บางส่วนสามารถแก้ไขได้และจำนวนมากชะลอโรคได้ถ้าพบในระยะแรก
สาเหตุของโรคสมองเสื่อม      นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของโรคสมองเสื่อมเกิดจากหลายปัจจัยที่สำคัญ เช่น การเสื่อมของเซลล์สมอง ขาดวิตามินบี 1 หรือบี 12 ติดเชื้อในสมอง การแปรปรวนของระบบเมตาโบลิกในร่างกาย เนื้องอกในสมอง เป็นต้น ซึ่งชนิดของโรคสมองเสื่อมที่พบมากที่สุดคือ อัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมอง
11 วิธีป้องกัน "สมองเสื่อม" ในผู้สูงอายุ Advertisementแม้สาเหตุบางอย่างของภาวะสมองเสื่อมจะยังไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด เช่น สมองเสื่อมอัลไซเมอร์ที่เกิดจากพันธุกรรม แต่พบว่าการป้องกันสามารถลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ได้แก่เลือกอาหารที่เหมาะสม รับประทานให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์หลีกเลี่ยงกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงไม่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ๆมีควันบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้าพยายามฝึกสมองให้คิดบ่อยๆ เช่น อ่านและเขียนหนังสือบ่อยๆ เล่นเกมส์ตอบปัญหา นับเลขถอยหลังหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้งพบปะพูดคุยกับผู้อื่นบ่อยๆ หากิจกรรมเพื่อคลายเครียด เช่น เข้าชมรมผู้สูงอายุ เป็นจิตอาสาในโรงพยาบาลตรวจสุขภาพประจำปีถ้ามีโรคประจำตัวต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ นอกจากรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์แล้วต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมอาการของโรคร่วมด้วย โดยเฉพาะโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูงระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่อสมอง โดยเฉพาะการหกล้ม
ขอขอบคุณข้อมูล :สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ภาพ :iStockข้อมูล : https://www.sanook.com/health/16405/x

อันตรายจาก “ยาคลายกล้ามเนื้อ”


ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ก็อาจเสี่ยงมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ ทั้งจากการออกกำลังกาย การทำงาน อุบัติเหตุ และอื่นๆ ยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยมีทั้งแบบกิน ทา ฉีด แต่ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะราคาไม่สูง และได้ผลดี คือยาคลายกล้ามเนื้อแบบกิน จนหลายคนอาจ “เสพติด” การกินยาคลายกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ ปวดเมื่อไร กินเมื่อนั้น แต่การกินยาคลายกล้ามเนื้อบ่อยๆ อาจเสี่ยงอันตรายในแบบที่เราไม่รู้ตัวได้ 
อันตรายจาก “ยาคลายกล้ามเนื้อ”     ยาคลายกล้ามเนื้อที่นิยมกันในประเทศไทย มีทั้ง Orphenadrine, Tolperisone, Eperisone และ Baclofen มีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวด ตึง หด ของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย การวางท่าทางของร่างกายไม่ถูกต้อง เช่น เอี้ยวตัวผิดจังหวะ และการอยู่ในท่าทางเดิมนานเกินไป เช่น ยืนขาข้างเดียวนานเกินไป ยกของหนักนานเกินไป เป็นต้น     อย่างไรก็ตาม ยาคลายกล้ามเนื้อเหล่านี้มักมีผลข้างเคียง เช่นมึนงง ง่วงซึมท้องผูกปาก และคอแห้ง     นอกจากนี้ การรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อเป็นเวลานาน อาจเสี่ยงเป็นพิษต่อไต และหากไตได้รับสารพิษจากยาเป็นจำนวนมากและการสะสมที่ยาวนาน ก็ทำให้เกิดโรคไตที่รุนแรงถึงขั้นไตวายได้อีกด้วยดังนั้น หากมีการรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ จึงมีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติตาม ดังนี้แจ้งแพทย์ และเภสัชกรทุกครั้ง หากมียาตัวไหนที่แพ้ระมัดระวังในการรับประทานยาหากต้องทำวานกับเครื่องจักร ขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง ควรปรึกษาแพทย์ว่าควรรับประทานยาอย่างไร ตอนไหน เพื่อไม่ให้ยาออกฤทธิ์ขณะทำงาน หรือเลี่ยงใช้ยาตัวอื่นที่ผลข้างเคียงน้อยกว่า (แม้ว่าอาจจะออกฤทธิ์เบากว่า แต่จะปลอดภัยในการรับประทานมากกว่า)หากลืมกินยาตามเวลาที่แพทย์ระบุ ให้กินทันทีที่นึกขึ้นได้ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของยาหากอาการปวดลดลง ไม่จำเป็นต้องกินยาต่อจนหมด สามารถหยุดกินยาได้ทันทีที่หายปวดผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์สามารถกินยาคลายกล้ามเนื้อได้ แต่ควรแจ้งแพทย์ และสอบถามวิธีการกินอย่างละเอียดห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

เปิดรับลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562

          วันที่ 1 ก.ค. 2562 แฟนเพจ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเชิญชวนให้ผู้สูงอายุ ลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562 สำหรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือเบี้ยยังชีพคนชรา คือ เงินช่วยเหลือที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และในทุกๆ ปี จะมีการเปิดให้ผู้สูงอายุรายใหม่ๆ ที่มีสิทธิ เข้ามาลงทะเบียนเพื่อรับเงินในส่วนนี้ 

         โดยการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องไปลงทะเบียนใหม่ทุกปี ลงเพียงครั้งเดียวก็ได้รับสิทธิไปตลอด เว้นแต่กรณีที่ผู้สูงอายุย้ายที่อยู่ หรืออาจมีปัญหารายชื่อตกหล่น ถึงค่อยไปทำการยืนยันสิทธิ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์ 

รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการลงทะเบียนผู้สูงอายุ 2562 มีดังนี้

1. ใครมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ

สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

      -  สัญชาติไทย

      -  อายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยการลงทะเบียนช่วงต้นปี 2562 ต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503 (ผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎรระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้นๆ)

      -  ต้องไม่เคยได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ

2. ช่วงเวลาลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ 2562

      -  ช่วงเดือนมกราคม ถึง กันยายน 2562 (รับเงินงบประมาณปี 2563) สำหรับผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503

      -  ช่วงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2562 (รับเงินงบประมาณปี 2564) สำหรับผู้ที่เกิดวันที่ 2 กันยายน 2503 – 1 ตุลาคม 2503

3. ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562 ได้ที่ไหน

      -  กรุงเทพฯ สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นแทน ได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

      -  ต่างจังหวัดยื่นได้ที่สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

4. หลักฐานในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

      -  บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย

      -  ทะเบียนบ้านตัวจริง

      -  สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริงพร้อมสำเนา (สำหรับผู้ขอรับเงินผ่านธนาคาร)

***แต่หากผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นมายื่นคำขอรับเงินแทนได้ โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

      -  หนังสือมอบอำนาจ (แบบฟอร์มมอบอำนาจขึ้นอยู่กับการดำเนินการของแต่ละพื้นที่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง) 
      -  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ 
      -  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ

5. ผู้สูงอายุแต่ละคนจะได้รับเงินเท่าไร

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต โดยเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตามช่วงอายุ ดังนี้

      -  อายุ 60 -69 ปี จะได้รับ 600 บาท/เดือน
      -  อายุ 70 -79 ปี จะได้รับ 700 บาท/เดือน
      -  อายุ 80 -89 ปี จะได้รับ 800 บาท/เดือน
      -  อายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท/เดือน

6. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รับเงินได้ทางไหนบ้าง

ผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านทางช่องทางไหนได้ตามนี้ 

      -  รับเป็นเงินสดด้วยตนเอง

      -  ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจรับแทน

      -  โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้สูงอายุ

      -  โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูงอายุ

สำหรับผู้สูงอายุท่านใดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีความประสงค์จะรับสวัสดิการเบี้ยยังชีพ ก็อย่าลืมไปขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อย

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://news.mthai.com/general-news/742247.html