สมใจสายเชียร์! "นายหมอเจมส์" ถึงเวลามุดมุ้ง "แม่หญิงญาญ่า" กลิ่นกาสะลอง

           กว่าจะได้รักกว่าจะหนีรอด ได้อยู่ด้วยกัน ทำเอาลุ้นกันไปทั้งประเทศ เพราะความรักของ หมอทรัพย์ กับ กาสะลอง อุปสรรคเยอะ ปัญหาแยะเหลือเกิน หลังจากปล่อยให้คนดูลุ้นกันมาหลายตอน ขอบอกว่าคืนนี้แฟน ละครจะได้สมใจเสียที เมื่อ นายหมอเจมส์-มาร์ ความรักสุกงอม ออกอุบายมุดมุ้ง แม่หญิงญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ไม่ให้เสียเวลากันอีกต่อไป งานนี้บอกเลยห้ามพลาด!

           ฉากนี้ถ่ายทำกันที่กระท่อมน้อยคอยรัก จ.สระบุรี ซึ่งทางทีมพร๊อบไปหามุมสวย บรรยากาศดี แล้วสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นเรือนหอให้พระนางของเราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน งานนี้พี่สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผกก. บอกตอนหนีก็ลำบากลำบน ยากเย็นเหลือเกินกว่าจะได้รักกัน พอได้รักกันเลิฟซีนก็จะต้องจัดเต็มไม่ธรรมดาเช่นกัน หลังจากวางไฟกล้องพร้อม มุ้งพร้อม พี่สันต์ก็เรียกญาญ่าเจมส์มาซักซ้อมพร้อม ๆ กันทันที งานนี้ทั้งญาญ่ากับเจมส์ต่างขอโทษขอโพยกันก่อน เริ่มถ่ายเพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย

           โดยพี่สันต์วางบ็อกกิ้งให้ญาญ่านอนในมุ้งคนเดียว ก่อนที่จะปล่อยให้เจมส์ มุดมุ้งเข้ามาแบบไม่ได้รับเชิญ ทำเอาญาญ่าที่เพิ่งหลับตา ตกใจตาโตนึกไม่ถึงว่าจะมีคนมานอนด้วย พยายามบอกให้ เจมส์ออกไปนอนที่ของตัวเอง แต่เจมส์ทำหน้ามึน ทั้งออด ทั้งอ้อน งัดมารยา สารพัด จะขอนอนกับเมียให้ได้คืนนี้ ซึ่งพี่สันต์บอกให้ทั้งเจมส์กับญ่าค่อย ๆ เล่น ๆ ไม่ต้องรีบ ต้องละเมียดละไมกันนิดนึง ญาญ่าก็ยังคงเป็นแม่หญิงที่รัก นวลสงวนตัวอยู่ ทั้งเขิน ทั้งอาย จะไม่กล้าแต่ก็รัก!! งานนี้คนที่ต้องทำให้ญ่ายอมเลยต้องเป็นเจมส์ ที่ต้องกล่อมทั้ง แววตา คำพูด ท่าทาง มือไม้ต้องซุกซนกันนิดนึง เดี๋ยวกอด เดี๋ยวดม เดี๋ยวหอม เรียกว่าต้องจีบเมียให้ใจอ่อน ยินยอม พร้อมใจเป็นผัวเมียจริง ๆ กันซะที

           และในที่สุดความรักที่อัดอั้นกันมานานก็ทำหน้าที่ของมันไปตามธรรมชาติ งานนี้บอกเลยแฟน ละครจะได้เขินตัวบิดอยากสิงร่างญาญ่ากันทั้งประเทศ เพราะเจมส์ มาร์เล่นได้หวานเว่อร์เบอร์ สิบเต็ม ทั้งสายตา ท่าทาง เสียงพูด ยิ้มหวาน ๆ และจูบฟิน ๆ จัดมาแบบจุใจให้กำไรคนดูที่ลุ้นกันมาตลอดได้เฮ กันเต็มที่ ขนาดญาญ่าที่เล่นเองยัง บอกเป็นเลิฟซีนที่เขินที่สุดในชีวิต และถ้าไม่ใช่เจมส์มีหวังเล่นไม่ออกแน่นอน

           เอาล่ะ!! ไม่พูดเยอะเจ็บคอ ไปเกาะขอบจบรอดูกันเอาเองในละคร กลิ่นกาสะลอง วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคมนี้ เวลา 20.20 น.ทางไทยทีวีสี ช่อง 3 และช่อง 33 HD

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/movie/89217/

"ซินแสเป็นหนึ่ง" เผยเคล็ดลับก่อนทำศัลยกรรม เสริมความเฮง

            เดี๋ยวนี้เรื่องศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดอีกต่อไป หากทำศัลยกรรมแล้วรู้สึกมีความมั่นใจ ชีวิตก็จะดีขึ้น ซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร เลยนำเคล็ดลับก่อนทำศัลยกรรมมาฝาก ทำตามแล้วรับรองเฮงแน่นอน

            สิ่งที่ต้องเตรียม
               - ธูป 16 ดอก

            ขั้นตอนการไว้

               - จัดเตรียมธูป 16 ดอกเพื่อจุดกลางแจ้ง ก่อนทำศัลยกรรม 1 วัน
               - เริ่มจุดธูปหันหน้าไปทางทิศเหนือ 
               - ต้้งนะโม 3 จบ กล่าวว่า

            เจ้าที่ เจ้าฟ้า เจ้าป่า เจ้าเขา พระแม่ธรณี พระแม่คงคา เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้ง 16 ชั้นฟ้า และ 15 ชั้นดิน องค์หน่ำหม่อเหลา ผู้ให้กำเนิดทั้ง 12 นักษัตร กราบขอขมาพระคุณพ่อ พระคุณแม่ผู้ให้กำเนิด เปิดหน้าตา คิ้ว หู จมูก ปาก ให้ข้าพเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์

            บัดนี้..ข้าพเจ้า ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด จงช่วยเปิดทางให้ข้าพเจ้าได้ปรับเปลี่ยน อัตลักษณ์ นรลักษณ์ เพื่อประโยชน์แก่ตัวข้าพเจ้าในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการงาน หรือความรัก ขอให้ข้าพเจ้าแคล้วคลาด ปลอดภัยจากการผ่าตัด ศัลยกรรม ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ด้วยเทอญ

               - หลังจากนั้นปักธูปลงดิน ถือเป็นอันเสร็จพิธี

            หมายเหตุ : การถือเคล็ดนี้ ถูกจัดทำเพื่อความสบายใจ ที่สำคัญเพื่อแจ้งฟ้าแจ้งดิน เมื่อเราเกิดมาองค์ประกอบของหน้าตาเราเป็นแบบนี้ เมื่อมีการปรับเปลี่ยนต้องให้เทพยดารับรู้ เพียงเท่านี้ อะไรๆ จะดีขึ้น

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/horoscope/164623/

ชุมชนเก่าโผล่จากน้ำในรอบหลายปี หลังเขื่อนป่าสักฯ แล้งหนัก เหลือน้ำแค่ 4 เปอร์เซ็น

          เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้งหนัก ปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ ทำชุมชนเก่าที่เคยจมใต้น้ำโผล่ให้เห็นอีกครั้งในรอบหลายปี

          เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ในขั้นวิกฤต หลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ตอนนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือเพียงร้อยละ 4.82 หรือมีน้ำเพียง 46 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) เท่านั้น จากปริมาณความจุอ่าง 960 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากไม่มีฝนตกลงมาในลุ่มน้ำป่าสักเลย แต่ทางเขื่อนป่าสักฯ ยังคงต้องระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เพื่อรักษาระบบนิเวศและใช้ในการอุปโภคบริโภค

          สภาพน้ำที่ลดลงในปีนี้ ทำให้มองเห็นชุมชนเก่า บ้านเรือน และวัด ที่เคยจมอยู่ใต้เขื่อน โผล่ขึ้นมาให้ได้เห็นอีกครั้งในรอบหลายปี และจะเป็นจุดท่องเที่ยวอีกจุดของเขื่อนในช่วงหน้าแล้ง โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ปีนี้ มีปริมาณน้ำน้อยเท่ากับปี 2558 ที่แล้งหนัก โดยมีปริมาณน้ำสะสมอยู่ในระดับเดียวกัน ขณะนี้ทางเขื่อนป่าสักได้มีการทำกาลักน้ำ เพื่อผันน้ำไปช่วยหมู่บ้านท้ายเขื่อน ให้มีน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค

          อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คาดว่าจะสามารถส่งน้ำให้เกษตรกรใน 3 อำเภอเหนือเขื่อนได้ เพราะปริมาณน้ำลดลงกว่าเดิมจนสูบน้ำไม่ได้แล้ว

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/191101

ตาต้า สาวนักวิ่งมาราธอนป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย สิ้นใจอย่างสงบแล้ว

           (21 ก.ค.) ในโลกออนไลน์ได้มีการแสดงข้อความไว้อาลัย ตาต้า สาวนักวิ่งมาราธอน ซึ่งป่วยหนักมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้ ตูน บอดี้สแลม เพิ่งเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ซึ่งตาต้ายังยิ้มแย้มแจ่มใสดี พร้อมชู 2 นิ้วให้กำลังใจตัวเอง

           โดยผู้ใช้ทวิตตอร์ @nutchlimited ได้แจ้งข่าวร้าย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า "ไม่รู้จะพูดยังไงเลย ร้องไห้ไม่หยุด กับการเสียเพื่อนคนนี้ไป ตาต้าคือนางฟ้านางสววรค์ที่แท้จริง ไม่เคยป่วย วิ่งมาราธอน รักแมว คิดบวก เราคุยกันตลอดทุกเรื่อง ซัพพอร์ทกันให้คำปรึกษากัน ตาต้าป่วยด้วยโรคแปลกๆ ยากอธิบายได้เดือนนิดๆแล้วจากไป เป็นเครื่องเตือนใจอีกครั้งว่าชีวิตเรามันสั้นมาก"

           นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยรายละเอียด อีกว่า "ขอพูดถึงอาการเสียชีวิตของเพื่อนอีกครั้ง ตาต้า แข็งแรง เล่นโยคะ กินคลีน วิ่งมาราธอนแทบทุกงาน คิดบวกเสมอ แล้ววันหนึ่งปวดหลัง ไปหาหมอ หมอบอกว่ามีผังผืดเกาะไขสันหลังเหมือนใยแมงมุม เลยต้องค่อย ๆ ฉายแสงไป รักษาตัวไม่นานเลยก็เสียชีวิต อะไรก็เกิดขึ้นได้กับชีวิตคนเราจริงๆ" 

           สำหรับเพจเฟซบุ๊กอย่าเรียกชั้นว่าผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายของตาต้า ซึ่งเล่าเรื่องราวการป่วยโรคมะเร็งของเธอ พบว่าเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ถ้านับรวมจนถึงวันที่ 19 ก.ค. ที่เพื่อนแจ้งข่าวร้าย ก็ผ่านพ้นไปเพียง 2 เดือนเท่านั้น

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7841998/

รีวิว The Lion King ข้อจำกัดของ “ความสมจริง”

             แอนิเมชั่น The Lion King ในปี 1994 ถือเป็นผลงานอีกเรื่องของค่ายดิสนีย์ที่จัดได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งรายได้และคำวิจารณ์ อีกทั้งหนังยังคว้าสองรางวัลออสการ์ในสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (ฮานส์ ซิมเมอร์) และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ("Can You Feel the Love Tonight" ดนตรีโดยเอลตัน จอห์น และเนื้อเพลงโดยทิม ไรซ์) กว่ายี่สิบปี The Lion King ถือเป็นผลงานคลาสสิคที่ได้รับการดัดแปลงไปเป็นละครเวที การ์ตูนภาคต่อทางโทรทัศน์ เพลงในหนังที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชม

             จนกระทั่งดิสนีย์ตัดสินใจที่จะคืนชีพให้ The Lion King จากเวอร์ชั่นตัวการ์ตูนน่ารักน่าเอ็นดู กลายเป็นเหล่าสัตว์ที่มีความเสมือนจริงราวกับหลุดมาจากป่าในทวีปแอฟริกาด้วยเทคนิควิธีการสร้างทางซีจีไอที่เรียกว่า Photorealistic Animation หรือการทำแอนิเมชั่นออกมาให้มีความสมจริง ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

             ทว่าความสมจริงที่มากเกินไป ทำให้เกิดความขัดแย้งในเชิงความรู้สึกของผู้ชม ที่อาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่น้อยเมื่อ เหล่าสัตว์ในเรื่องสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ สามารถร้องรำทำเพลงได้ แต่ไม่อาจจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านสีหน้าแววตา (Facial expression) ได้มากเท่ามนุษย์จริงๆ จนทำให้ในหลายฉากของหนังมีความแห้งแล้ง เฉยชา เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นที่สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะสุข เศร้า โกรธ นิ่งเงียบ ซึ่งประเด็นที่กล่าวมาทำให้เรารู้สึกเสียดายตรงความครึ่งๆกลางๆของปัจจัยเหล่านี้

             เสียงพากย์ของตัวละครในเรื่อง เป็นอีกหนึ่งทั้งสิ่งเกื้อกูลหนังและเป็นทั้งจุดด้อยของเรื่อง อย่างแรกการที่หนังเลือก บิลลี ไอช์เนอร์มากพากย์เป็นทีโมน และเซธ โรแกนมาพากย์เป็นพูมบ้า คือตัวเลือกที่เหมาะสมและเพิ่มอรรถรส ชีวิตชีวาให้กับหนังเป็นอย่างมาก ส่วนตัวละครอย่างนาล่า ซึ่งพากย์โดยดีว่าอย่าง “บียอนเซ่” นั้น เรากลับรู้สึกว่าความเป็นตัวตนของเธอปกคลุมตัวละครนี้เสียจนเราไม่รู้สึกว่านาล่าเป็นสิงโต แต่เป็นบียอนเซ่จำแลงร่างมา (พูดง่ายๆว่าความมีเอกลักษณ์ของบียอนเซ่มันยิ่งใหญ่เสียเกินตัวละครไปแล้ว)

             ยังไม่รวมเพลงที่ถูกแต่งขึ้นใหม่อย่าง Spirit ที่ขับร้องโดยบียอนเซ่อีกเช่นกัน เมื่อมันถูกใส่เข้ามาในช่วงก่อนไคลแมกซ์ของหนัง ได้กลายเป็นบทเพลงที่ดูอยู่ผิดที่ผิดทาง และไม่เข้ากับเพลงอื่นๆในหนังเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เราพอจะมองเห็นถึงจุดประสงค์ของการมีอยู่ของเพลงดังกล่าว เพียงเพราะว่าดิสนีย์อาจจะคาดหวังว่าอย่างน้อยเพลงนี้ก็น่าจะมีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในช่วงต้นปี 2020 (แบบเดียวกับที่ Beauty and the Beast ในปี 2017 ส่งเพลงแต่งข้นใหม่อย่าง Evermore ชิงชัย แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันกระทั่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล)

             อย่างไรก็ตาม The Lion King ในเวอร์ชั่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการยกระดับงานเทคนิคพิเศษในการสร้างภาพให้ออกมาเสมือนจริงและน่าตื่นตาตื่นใจ แต่สิ่งที่อาจจะพร่องไปก็คือจิตวิญญาณและความมีชีวิตชีวาแบบในเวอร์ชั่นต้นฉบับไปอย่างน่าเสียดาย

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/movie/89163/

ลำปางแล้งหนักมาก เผยภาพแพจอดสนิทหลังน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่ทะแห้งเหือด

            ภาพมุมสูงแล้งหนักอ่างเก็บน้ำชื่อดัง กลายสภาพเป็นทุ่งดินแตกระแหงบริเวณกว้าง และยังทำให้แพที่เคยมีนักท่องเที่ยวไปนั่งแพต้องจอดสนิทปิดบริการชั่วคราว

            จากปัญหาฝนทิ้งช่วงและปัญหาภัยแล้งใน จ.ลำปาง ยังคงคุกคามในหลายพื้นที่ของจังหวัดลำปาง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำแม่ทะ หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันดี อ่างเก็บน้ำวังเฮือ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำชื่อดัง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ ของชาวลำปาง

            โดยจากการไปสำรวจบริเวณแพกลางน้ำ แพลอยน้ำ หรือ แพชุมชนวังเฮือทะเลลำปางที่เคยเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว  ในการนั่งรับประทานอาหารของเอกชนรายหนึ่งซึ่งเคยเปิดให้บริการ

            บริเวณริมอ่างเก็บน้ำขณะนี้แพกลางน้ำที่เคยมีมากกว่า 10 ลำ ขณะนี้แพต้องจอดทิ้งร้างกลางสายน้ำ เพราะสายน้ำที่แห้งขอด บริเวณกลางอ่างเก็บน้ำ จากภาพมุมสูงมองเห็นได้ว่าอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ มีสภาพอ่างที่แห้งขอดเหลือน้ำประมาณ 30 % หรือคิดเป็นปริมาณน้ำ 850,000 ลูกบาศก์เมตร          

            โดยอ่างเก็บน้ำวังเฮือ ปกติจะมีน้ำ  2,800,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งดังกล่าว กระทบอย่างหนักกับผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยปกติจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามานั่งแพเพื่อทานอาหารบริเวณอ่างเก็บน้ำดังกล่าว

            ซึ่งขณะนี้อ่างเก็บน้ำแห้งแล้ง ทำให้แพบริการนักท่องเที่ยวไม่สามารถเปิดบริการได้ ต้องปิดตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีฝนตกลงมาและไม่มีน้ำไหลเข้าอ่าง ส่งผลกระทบให้กับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในพื้นที่แล้ว ทั้งด้านน้ำที่จะนำไปใช้อุปโภคและบริโภคหรือเลี้ยงสัตว์      

            จากการสอบถาม นายวิชาญ กวินภูมิเสถียร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำโครงการชลประทานลำปางเปิดเผยว่า หากไม่มีน้ำหรือน้ำฝน ไหลเข้าอ่าง น้ำจะหมดกลางเดือนสิงหาคมนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดรู้คุณค่า ใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำในช่วงที่ฝนทิ้งช่วงนี้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7841874/