ผวาอีก! คนไทย 56% มีเงินใช้ไม่ถึง 6 เดือน ถ้าตกงาน ซ้ำร้ายโยกเงินออมใช้เกลี้ยงไม่รู้ตัว

โกแบร์ บริษัทด้านประกันภัยและการลงทุน ที่มีฐานดำเนินงานในสิงคโปร์ เผยดัชนีสุขภาพการเงินของคนไทยในปี 2562 ว่า คนไทยถึง 56% มีเงินใช้ไม่ถึง 6 เดือน ถ้าหากต้องตกงาน โดยระบุรายละเอียดดังนี้ ระยะเวลาที่มีเงินใช้ขณะตกงาน สัดส่วน (%) ไม่แน่ใจ 6 น้อยกว่า 1 สัปดาห์ 6 1 สัปดาห์-1 เดือน 9 1-3 เดือน 18 3-6 เดือน 17 รวม 56 ส่วนกลุ่มที่มีเงินใช้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ถ้าต้องตกงาน มีอยู่ถึง 44% หรือเรียกได้ว่ากลุ่มคนที่สถานะทางการเงินในช่วงตกงานไม่น่ากังวลเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่น่ากังวล มีอยู่เกือบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม โกแบร์ ยังระบุอีกว่า คนไทยจำนวนมาก ที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ ยังไม่รู้สึกกังวลต่อสถานะทางการเงินของตัวเองในแต่ละเดือน เพราะคนจำนวนนี้มักดึงเงินเก็บของตัวเองมาใช้ และปลอบใจตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยหาใหม่ จนกระทั่งมารู้ตัวเมื่อต้องใช้เงินก้อนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น การรักษาพยาบาล หรือเมื่อตกงาน แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะพบว่าไม่มีเงินเหลืออยู่อีกเลย ข้อมูลดังกล่าวของ โกแบร์ ยังสอดคล้องกับข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ว่า บัญชีธนาคารของผู้ฝากเงินในประเทศไทยถึง 4.7 ล้านบัญชี มีเงินฝากในแต่ละบัญชีไม่ถึง 50 บาท สะท้อนว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย มีรายจ่ายจนแทบไม่เหลือเงินสำหรับเก็บออมเลย >> คนไทยเกือบ 5 ล้านคนมีเงินในบัญชีเงินออมเพียง 50 บาท แนะ 5 วิธีรักษาวินัยการเงิน บริษัทด้านการเงินรายนี้ แนะนำว่า การเก็บเงินให้อยู่นั้น สามารถทำได้ด้วยวิธีการ 5 ข้อดังต่อไปนี้ เก็บเงิน 5-10% ไปเก็บในบัญชีธนาคารบัญชีหนึ่ง แยกไว้ต่างหาก เคลียร์รายจ่ายที่จำเป็น อย่างเช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์-อินเทอร์เน็ต ค่าเช่าที่พักอาศัย นำเงินที่เหลือ มาแบ่งใช้เป็นสัปดาห์ ศึกษาโปรโมชั่นและข้อเสนอ (ดีล) ของสินค้าและบริการต่างๆ ที่ใช้จ่ายบ่อยครั้ง เพื่อจ่ายเงินให้น้อยลง คิดก่อนซื้อ ด้วยการเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ ขอขอบคุณ ภาพ : Getty Images/ Paula Bronstein

สาววอนช่วยซื้อนมข้น 3หมื่นกระป๋อง ต้องรับผิดชอบหลังรถบรรทุกพลิกคว่ำ

สังคมออนไลน์ แชร์ภาพกระป๋องนมข้นหวานจำนวนมาก หลังมีผู้ประกาศขายในราคาทุน พร้อมวิงวอนให้คนสนใจช่วยซื้อ ทีมข่าว Sanook! News ติดต่อสอบถามไปยังสมาชิกเฟซบุ๊ก "ขวัญชนก วิโย" ซึ่งเป็นผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวเปิดเผยว่า ครอบครัวของตนรับจ้างขนส่งสินค้า และได้รับการว่าจ้างให้บรรทุกนมข้นหวานจำนวน 700 ลัง (33,600กระป๋อง) เพื่อนำไปส่ง สปป.ลาว แต่โชคร้ายที่ขณะเดินทาง ลูกน้องของพ่อซึ่งเป็นคนขับ เกิดอาการหลับใน ทำให้รถบรรทุกคว่ำในพื้นที่อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ส่วนนมข้นหวานถูกแรงกระแทกลังกระดาษขาด บรรจุภัณฑ์ไม่สวยงาม และไม่สามารถนำไปส่งต่อได้ ประกอบกับไม่ได้ทำประกันสินค้าเอาไว้ ครอบครัวตนจึงต้องรับผิดชอบนมข้นหวานที่เหลือประมาณ 384 ลัง หรือคิดเป็น 29,952 กระป๋อง ก่อนขนกลับมาไว้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ สินค้าทั้งหมดเพิ่งผลิต และจะหมดอายุในช่วงสิ้นปี 2563 ส่วนใหญ่ตัวกระป๋องนมข้น แทบไม่มีตำหนิ หรือร่อยรอยบุบแต่อย่างใด จึงประกาศให้ผู้ที่สนใจช่วยซื้อนมข้นหวานจำนวนดังกล่าว เพราะครอบครัวตนนำมาขายในราคาทุน เบื้องต้นพบว่ามีประชาชนในพื้นที่เข้าไปช่วยซื้อแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ยังคงเหลือสินค้าอีกจำนวนมาก ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7989278/

อุทาหรณ์คนใจอ่อน เพื่อนอยากได้รถขับ ยอมเซ็นค้ำประกันให้ ใช้หนี้แทนจนโดนยึดทรัพย์

หนุ่มโพสต์อุทาหรณ์ อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ หลังเซ็นค้ำประกันให้เพื่อนซื้อรถ เพราะความสงสาร สุดท้ายโดนเพื่อนหักหลังชิ่งหนีจนตัวเองต้องโดนยึดทรัพย์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 มีรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นายสะอาด เนาวะราช ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเตือนเป็นอุทาหรณ์เกี่ยวกับการค้ำประกัน ว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ เพียงเพราะรู้จักกัน เพราะอาจจะเดือดร้อนถึงขั้นโดนยึดทรัพย์เหมือนอย่างที่เจ้าตัวเจอมา โดยผู้โพสต์เล่าว่า ประกาศไปยังเพื่อน ๆ ในสังคมออนไลน์ ใครทราบชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของคุณถนอม บุญจิตร หรือเขียด บ้านโคกสำราญ อ.เลิงนกทา ขณะนี้หายตัวไปหลายปีแล้วติดต่อไม่ได้ เนื่องจากซื้อรถแล้วให้ตนค้ำประกันให้แล้วพารถหนี ไม่จ่ายงวดมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งกรมบังคับคดีสั่งยึดทรัพย์ของผู้ค้ำคือตนเอง ทั้งนี้ เจ้าของโพสต์ยืนยันว่าตนเดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก และได้โพสต์ภาพหมายจากกรมบังคับคดี ที่จะมายึดทรัพย์ในที่ดินที่ใช้ปลูกยางพารา จึงอยากจะเตือนเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ และวอนให้เจ้าของรถกลับมาใช้คืนรถต่อไป ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/197685

รวบชายโพสต์ขายนกกวัก สัตว์ป่าคุ้มครอง 2,500 บาทผ่านเฟซบุ๊ก อ้างไม่รู้ผิดกฎหมาย

รวบชายโพสต์ขายนกกวัก สัตว์ป่าคุ้มครอง 2,500 บาทผ่านเฟซบุ๊ก เจ้าตัวอ้างไม่รู้ว่าผิดกฎหมาย ทำให้โดนตั้งข้อหา 3 กระทง วันที่ 21 ธันวาคม 2562 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 5 และ 6 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมจับกุมนายขาวผ่อง เนาวนิต วัย 34 ปี พร้อมของกลางคือ นกกวัก หรือนกไก่นา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 29 จำนวน 2 ตัว, กรงนก 1 กรง และเพนียดดักนก 1 หลัง สำหรับสาเหตุการจับกุมตัวนั้น มาจากเจ้าหน้าที่สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ตรวจพบการขายเพนียดดักนกและขายต่อต่อ รวมถึงมีการโพสต์คลิปวิดีโอด้วย จึงได้สืบค้นหาจนรู้ตัวว่าเป็นใคร แล้วเข้าจับกุม ด้านนายขาวผ่อง ให้การว่า นกดังกล่าวเป็นนกตัวผู้ ขายตัวละ 1,500 บาท ตัวเมียขาย 2,500 บาท แต่ไม่คิดว่าการโพสต์ขายดังกล่าวจะเป็นความผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง และค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่งไฮ จ.บึงกาฬ ต่อไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก , https://hilight.kapook.com/view/197736

แก้ปัญหาประชาชนถูกหลอก ทุกศาลทั่วประเทศ เผยแพร่อัตราหลักทรัพย์ประกันตัว

เลขาฯศาลยุติธรรม เผย ต้นปี ทุกศาลทั่วประเทศ พร้อมเผยแพร่อัตราหลักทรัพย์ประกันตัว ตามนโยบาย ปธ.ศาลฎีกา ขณะที่ช่วยป้องกัน ปชช. ถูกมิจฉาชีพหลอก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงการดำเนินการติดประกาศข้อมูลหลักเกณฑ์ของมูลค่าหลักทรัพย์การประกันตัวผู้ต้องหา/จำเลยคดีต่างๆ บริเวณป้ายบอร์ดศาลทั่วประเทศ และเว็บไซต์ศาล รวมทั้งช่องทางอื่นประชาสัมพันธ์อื่น เพื่อให้ผู้ที่ต้องมีคดีขึ้นศาลได้เห็นชัดเจน ตามที่นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา มีดำริไว้ในการแถลงนโยบายบริหารศาลยุติธรรมเมื่อเข้ารับตำแหน่งเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องการติดประกาศอัตราการวางหลักทรัพย์ประกันตัว “สำนักงานศาลยุติธรรม” ได้ติดตามผลปฏิบัติตามนโยบายของประธานศาลฎีกาไปยังทุกศาลทั่วไปประเทศแล้วพบว่าขณะที่มีศาลที่ดำเนินการเผยแพร่บัญชีเกณฑ์มาตรฐานกลางหลักประกัน พร้อมจัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์เสร็จสิ้นแล้ว 226 ศาล จากศาลทั่วประเทศ 241 ศาล คิดเป็น 93.77% ระหว่างนี้จึงเหลือศาลที่อยู่ระหว่างดำเนินการจำนวนไม่มากซึ่งได้กำชับไปว่าดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ซึ่งหากศาลใดมีปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับเรื่องงบประมาณ สามารถแจ้งมายังสำนักงานศาลยุติธรรมได้ เราในฐานะหน่วยสนับสนุนการดำเนินการทั้งหมด ทั้งงานวิชาการและงานส่งเสริมตุลาการเป็นหน้าที่ของ “เรื่องนี้เป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และการอำนวยความสะดวกกับประชาชนที่มาติดต่อราชการกับศาล เพราะการที่จะเดินทางมาศาลจะได้มีการเตรียมหลักฐานเอกสารรวมถึงหลักทรัพย์ต่างๆให้เพียงพอเพื่อได้รับความสะดวกในการยื่นประกันตัว ในช่วงเดือน ม.ค.63 ทุกศาลทั่วประเทศจะต้องมีข้อมูลประกันตัวติดทุกศาลเพื่อประชาชนมาศาลต้องรู้ข้อมูล” ศาลมีการตรวจราชการเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติตามนโยบายของประธานศาลฎีกา ซึ่งตนก็เดินทางไปโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าเป็นการตรวจโดยสภาพความจริง เราจะไปดูว่ามีการดำเนินการแล้วหรือไม่ หรือมีข้อขัดข้องที่จะแนะนำ หรือขอความช่วยเหลือจากสำนักงานศาลยุติธรรม อย่างไรหรือไม่ โดยที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ ก็พบว่าทุกศาลให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกศาลมีความประสงค์ที่จะให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการมาใช้บริการที่ศาล โดยที่ผ่านมา ศาลได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนผ่านจากเพจ “ V love COJ” ซึ่งเป็นระบบที่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับศาลยุติธรรม หรือเรื่องร้องเรียน ข้อเสนอแนะต่างๆจากประชาชน โดยประชาชนชื่นชมว่าการให้ข้อมูลข่าวสารของศาล ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น “ตรงนี้จะทำให้ประชาชนไม่ถูกหลอก เพราะเมื่อการเข้าถึงข้อมูลได้ ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ประสงค์ไม่ดีนำข้อมูลที่ไม่จริงมาหลอกให้ประชาชนต้องสูญเสียเงินและทรัพย์สิน” ขอขอบคุณ ภาพ : AFP

ตร.ทำอินโฟกราฟิกแนะนำเส้นทางหลีกเลี่ยงช่วงรถติดปีใหม่63

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำ อินโฟกราฟิกแนะนำเส้นทางเลี่ยง-ทางเลือก การเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 63 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำ อินโฟกราฟิกแนะนำเส้นทางเลี่ยง – ทางเลือก รวบรวมแผนที่การเดินทางใน ภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคตะวันออก, ภาคอีสาน รวมทั้งเบอร์โทรฉุกเฉิน และข้อควรปฏิบัติในการเดินทาง พร้อมทั้งมาตรการ การเตือนภัยต่างๆให้กับประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 โดยแนบรูปภาพ อินโฟกราฟิกที่เข้าใจง่าย ประชาชนสามารถดาวโหลดไฟล์ภาพที่มีความละเอียดสูงได้ที่ กองสารนิเทศ ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7988690/

โทรศัพท์รุ่นเก่าจะใช้งานไม่ได้ แบงก์ชาติยกมาตรฐานใหม่ "โมบายแบงก์กิ้ง"

แบงก์ชาติออกมาตรการป้องกันความปลอดภัยการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์เริ่มใช้จริง 1 พ.ค. 63 โดยผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4 ขึ้นไป ขณะที่ IOS ต้องสูงกว่า IOS 8 ส่วนโทรศัพท์มือถือเจลเบรกไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกขโมยข้อมูล นางสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ (mobile banking security) เพื่อหวังป้องกันความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเพื่อสร้างความมั่งคงและปลอดภัยให้กับระบบสถาบันการเงินและประชาชนผู้ใช้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 44 ล้านบัญชี ตามข้อมูล ณ เดือนธ.ค. และที่มียอดธุรกรรม mobile banking มากกว่า 2 พันล้านรายการในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา แนวทางในการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ ธปท. จะร่วมมือกับธนาครพาณิชย์ยกมาตรฐานขั้นต่ำ สำหรับฝั่งธนาคารที่จะไม่อนุญาตให้ใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัยเข้าใช้งานการเข้ารหัสไฟล์ข้อมูล รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ (server) และยังต้องสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าในเชิงลึก เนื่องจากจะมีผู้บริโภคบางรายได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ โดยมาตรฐานดังกล่าวสำหรับประชาชนที่มีเครื่องมือสื่อสารที่มีการเจลเบรก (jailbreak) หรือการปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงโปรแกรม และผู้ใช้โทรศัพท์ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า ได้แก่ ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการไอโอเอสตั้งแต่รุ่น 8.0 ลงไป และผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่น 4 ลงไป อย่างไรก็ตาม ธปท. ย้ำว่า จำนวนผู้ใช้งานที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้มีจำนวนมากและยังอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น ขณะที่ แนวทางในการช่วยเหลือประชาชนที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ คือ ธปท. จะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับประชาชน และจะจำกัดการเข้าถึงการใช้งานเป็นขั้นบันได ไม่ได้ยกเลิกการเข้าถึงทั้งหมด แต่จะเข้าถึงหรือใช้งานได้บางประเภทเท่านั้น สำหรับเกณฑ์ดังกล่าว ธปท. จะเริ่มมีการทดลองใช้เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2563 ไปจนถึงเดือน เม.ย. 2563 ก่อนจะเริ่มปรับใช้จริงในวันที่ 1 พ.ค. 2563 นอกจากนี้ ธปท. ยังกล่าวถึง กรณีการผลักดันให้ประชาชนปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็ก (magnetic card) ให้เป็นบัตรชิปการ์ด (chip card) ตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันยังมีประชาชนที่ถือบัตรแบบเก่าอยู่อีก 12 ล้านใบ และกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด โดย ธปท. ย้ำให้ประชาชนมาเปลี่ยนบัตรที่ธนาคารพาณิชย์ผู้ออกบัตรภายใน 15 ม.ค. 2563 นี้ เพื่อประชาชนจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนบัตร ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7988466/

แม่เคืองหนัก ลูกสาวกลับบ้าน สภาพไร้ผมบนหัว เหตุครูไถออกเพราะมีเหา ไม่ถามกันซักคำ

แม่สุดช้ำ ลูกสาวกลับจากโรงเรียนสภาพถูกครูตัดผมจนหมดหัว บอกลูกมีเหา สุดเคืองวิธีแก้มีตั้งเยอะ ซ้ำตัดผมทิ้งไม่ถามความยินยอมซักคำ เป็นเรื่องที่คนมีลูกสาว ต่างยากที่จะรับได้ หลังวันที่ 20 ธันวาคม 2662 ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง เผยภาพลูกสาวของเธอ ถูกครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ตัดผมลูกจนเกลี้ยงจากที่ไว้ยาว เหตุเพราะเด็กนั้นมีเหา แต่ก็ไม่ได้มีการแจ้งผู้ปกครองให้ยินยอม หรือหาวิธีแก้ไขที่ดีกว่านี้มาแต่อย่างใด ทั้งนี้ภายหลังภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความไม่พอใจพฤติกรรมของครูจำนวนมาก มองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และทำให้เด็กอับอายที่ต้องไร้ผม พร้อมแนะนำให้เอาเรื่องถึงที่สุด ขณะที่ผู้ปกครองเผยว่า เตรียมจะเข้าไปคุยกับที่โรงเรียนในวันจันทร์นี้ (23 ธันวาคม) ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/197727

สะเทือนใจ ด.ญ. 10 ขวบ ขอความช่วยเหลือ หลังโดนแม่ตียับ เหตุขโมยเงินซื้อขนม

เด็กหญิงวัย 10 ขวบ วิ่งมาขอความช่วยเหลือชาวบ้าน ย่านคลองหลวง หลังถูกแม่ตียับจนเป็นผื่นแดงเต็มตัว เหตุเพราะขโมยเงินแม่ 100 บาท ไปซื้อขนมกิน ล่าสุด ตำรวจเรียกแม่มาสอบปากคำแล้ว เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 เฟซบุ๊ก Ake Srisuwan นำเสนอข่าว เกี่ยวกับเด็กหญิงวัย 10 ขวบ คนหนึ่ง ถูกแม่แท้ ๆ ทำร้ายร่างกายเหตุเพราะขโมยเงินไปซื้อขนม โดยข้อมูลระบุว่า เจ้าหน้าที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุมีเด็กถูกตีเดินมาขอความช่วยเหลือจากประชาชนบริเวณร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบเด็กหญิงคนดังกล่าว สภาพตามตัวมีร่องรอยถูกตี เป็นผื่นแดง ๆ บริเวณแผ่นหลัง แขน และขาเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงรีบนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลคลองหลวงแล้ว จากการสอบถาม น.ส.จันทรรัตน์ นวนแตง เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า ตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ว่ามีเด็กถูกทำร้ายมาขอความช่วยเหลืออยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พบว่าเด็กถูกตีมา พอเปิดเสื้อดูด้านหลัง ก็รู้สึกตกใจมาก เหตุใดถึงถูกตีเยอะขนาดนี้ จึงสอบถามเด็กก็ทราบว่า ถูกแม่ตีเพราะตนเองขโมยเงินแม่ไป เป็นเหรียญ 10 จำนวน 8 เหรียญ และเหรียญ 5 จำนวน 4 เหรียญ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังได้รับแจ้งจึงไปที่เกิดเหตุและพาเด็กไปที่บ้าน ก็พบกับแม่ของเด็กที่ตีลูกจึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำที่ สภ.คลองหลวง ก่อน พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ปทุมธานี เข้ามาดูแลเด็กแล้ว และจะสอบปากคำเด็กอีกครั้งต่อหน้าสหวิชาชีพ ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/197679

กรมสุขภาพจิต ชี้คนชอบบูลลี่ รังแกคนอื่นใน รร. โตขึ้นอาจเป็นอาชญากร-ใช้ความรุนแรง

กรมสุขภาพจิต เผยการกลั่นแกล้ง บูลลี่ รังแกในโรงเรียนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผลกระทบอาจโตขึ้นเป็นอาชญากร เรียนไม่จบ ใช้ความรุนแรง พร้อมแนะนำวิธีรับมือ วันที่ 19 ธันวาคม 2562 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการกลั่นแกล้ง รังแกในโรงเรียน (Bullying) ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น โดยมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นภาพประกอบว่ามีการกลั่นแกล้งกันในหลายรูปแบบ ทั้งการทำร้ายร่างกาย (ชกต่อย, ตบตี) ทางสังคมหรืออารมณ์ (แบ่งแยก, กดดัน) ทางวาจา (ดูถูก, เสียดสี) Cyberbullying (กลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์, โพสต์โจมตี, คุกคามทางเพศ) ผลกระทบผู้ที่กลั่นแกล้งผู้อื่น อาจจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ติดแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด มีพฤติกรรมลักขโมย เรียนไม่จบ มีพฤติกรรมทางเพศก่อนวัยอันควร อาจจะเป็นอาชญากรในอนาคต มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับคนใกล้ตัว ขณะที่ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งจะมีภาวะซึมเศร้าที่อาจส่งผลไปถึงวัยผู้ใหญ่ รู้สึกโดดเดี่ยว และความวิตกกังวล มีปัญหาสุขภาพ ประสิทธิภาพทางการเรียนลดลง นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งนี้ สำหรับวิธีรับมือเมื่อถูกกลั่นแกล้ง รังแก ให้ตั้งสติก่อน เดินจากไปอย่างสงบไม่ใส่ใจ อย่าให้ผู้แกล้งรู้สึกสนุกจากการตอบสนอง พยายามอยู่ในที่ปลอดภัยมีเพื่อนที่เข้าใจ มั่นใจในตัวเอง ไม่ใช้กำลัง และให้พูดคุยปรึกษาผู้ใหญ่ ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://health.kapook.com/view218567.html

ลุ้นเลขเด็ด! ฝันดีเป็นจริงจยย.หายได้คืน สองผัวเมียซื้อหวยตามป้ายทะเบียนรถ

ลุ้นเลขเด็ด! ฝันดีเป็นจริงจยย.หายได้คืน สองผัวเมียซื้อหวยตามป้ายทะเบียนรถ

2 สามีภรรยาเหยื่อ นายนัส โจรแสบแห่งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เผยเรื่องแปลก ฝันเป็นลางดีก่อนได้รถจยย.คืน รีบซื้อหวยหลังหวังได้โชคลาภ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (27 ธค.) เมื่อเวลา 12.00 น. สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง พบเรื่องราวสุดแปลกเหนือธรรมชาติกับความเชื่อส่วนบุคคลของเหยื่อ นายนัส โจรแสบแห่งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ที่สร้างความเดือดร้อน
โดยการลักขโมยจักรยานยนต์ของพนักงานในหลายบริษัทในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยได้รับการเปิดเผยจากเหยื่อนายนัส ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จยย.คู่ชีพเป็นรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ถูกนายนัสลักขโมยไป
นายเอ (นามสมมุติ) กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่เชื่อก็ต้องเขื่อกับความโชคดีที่ได้จยย.คืนมา และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยโป่ง ที่สามารถนำรถ จยย.ของตนคืนมาได้
นายเอ เผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.รถจักรยานยนต์หายและเป็นวันแรกที่ตนได้เข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตกช่วงเย็นหลังเลิกงาน เวลาประมาณ 17.00 น. ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดข้างบริษัทได้หายไป จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง
จากนั้นวานนี้ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดูรถจยย.ของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายนัส มาได้ ซึ่งก็เป็นรถจยย.ของตนเองที่หายไป
ขณะเดียวกัน นางบี ( นามสมมุติ ) ภรรยาของนายเอ ได้เผยถึงสิ่งที่เหลือเชื่อของคืนวานก่อนที่เจ้าหน้าที่จะโทรบอก ว่าให้มาดูรถ จยย.ที่หายไปของสามี โดยในคืนนั้นฝันว่ามีคนถือกับข้าวจานใหญ่มาให้ พอช่วงสายของวันถัดมา ก็ได้รับข่าวดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยโป่ง และในความเชื่อส่วนตัวตนมองว่า เหตุที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นทุกขลาภ จึงได้ไปซื้อลอตเตอรี่ตามเลขทะเบียนรถที่ได้คืนมาในทันที
อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ความเชื่อก็คือความเชื่อที่ถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งนางบี เผยว่าก็ไม่ได้หวงเลขเด็ดทะเบียนรถ 3911 ใครจะหาซื้อตามก็ได้ ไม่ได้หวง และขอแสดงความยินดีล่วงหน้าหากเลขเด็ดที่กล่าวมาไปถูกรางวัลลอตเตอรี่ในงวดที่จะถึงนี้

ขอบคุณที่มา  https://www.sanook.com/news/7624202/

ชาวญี่ปุ่น เร่งทำความสะอาด หลัง "ฮากิบิส" พัดถล่ม มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ราย


             ภายหลังกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศยกเลิกคำเตือนฝนตกหนัก ซึ่งมีอิทธิพลมาจากพายุ "ฮากิบิส" ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (13 ตุลาคม 2562) ประชาชนส่วนใหญ่ต่างเดินทางออกมาสำรวจความเสียหาย และเร่งเก็บกวาด ทำความสะอาดบ้านเรือน

             โดยเฉพาะพื้นที่เมืองคาวาซากิ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคานางาวะ บางจุดยังมีน้ำท่วมขัง ถนนหลายสายเต็มไปด้วยโคลนหลังถูกน้ำท่วมฉับพลัน ประชาชนจึงช่วยกันทำความสะอาด เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

             ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ความรุนแรงของพายุในครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้สูญหายมากกว่า 10 คน

>> ญี่ปุ่นโล่ง! พายุไต้ฝุ่น "ฮากิบิส" เคลื่อนตัวกลับลงมหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7922046/gallery/2222598/

ไทยตอนบนยังหนาว ภาคเหนือ-อีสาน-กลาง อากาศเย็น ส่วน กทม.มีหมอกในตอนเช้า

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนตอนกลางวันท้องฟ้าโปร่งและมีแดดจัด บริเวณพื้นราบของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-15 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ในบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย ส่วน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7986406/

Snapdragon 865 ทำคะแนนแซง Apple A13 Bionic ได้แล้ว

ในปี 2020 คาดว่าชิปประมวลผล Snapdragon 865 ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพที่ดีที่สุดจะกลายเป็นชิปประมวลผลหลักสำหรับสมาร์ตโฟน Android หลายๆ รุ่น ล่าสุดก็มีคะแนนทดสอบของ Snapdragon 865 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จากการทดสอบบนแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Snapdragon 865 ทำคะแนนไปได้สูงถึง 568,919 คะแนน มากกว่า Snapdragon 855 ที่ทำคะแนนสูงสุดไปได้ประมาณ 450,000 คะแนน ถือว่ามีการพัฒนาเป็นอย่างมาก และยังสามารถทำคะแนนแซง Apple A13 Bionic ซึ่งทำคะแนนบน AnTuTu ไปได้ประมาณ 549,717 คะแนน เดิมที Apple A13 Bionic เป็นชิปประมวลผลที่แรงที่สุดในตลาด ดังนั้น การที่ Qualcomm สามารถทำให้ Snapdragon 865 แสดงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Apple A13 Bionic ได้ ก็ย่อมเหนือกว่าชิปประมวลผลทุกตัวในตลาดเลยครับ ขอขอบคุณ ข้อมูล : พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส,www.gizmochina.com

สลด ม.1 ขโมยปืนพ่อ ยิงเพื่อนร่วมชั้น ดับคาโรงเรียน สุดแค้นถูกแกล้ง-ล้อว่าตุ๊ด

ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. ร.ต.อ.อาทิตย์ รุ่งเชตุ ร้อยเวรสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศ จ.นนทบุรี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันภายในโรงเรียนย่านถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ชีพรพ.พระนั่งเกล้าและอาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าห้องเรียนชั้น ม.1/2 โรงเรียนดังกล่าว พบผู้ถูกยิงเป็นเด็กนักเรียนห้องดังกล่าว มีอาการบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่พยายามช่วยชีวิต แต่ไม่เป็นผล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา สำหรับผู้ก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนห้องเดียวกัน โดยเป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.1 อายุ 14 ปี มีอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุซุกอยู่ในกระเป๋าสะพายติดตัว ทั้งนี้ ทางคุณครูได้ควบคุมตัวไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการสอบสวน จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ตายมักจะคอยแกล้ง บางครั้งใช้มือตบศีรษะ และชอบล้อว่าเป็นตุ๊ด, เกย์ จนผู้ก่อเหตุอับอาย จึงตัดสินใจขโมยปืนของพ่อออกมาจากบ้าน โดยมาดักรออยู่ที่หน้าห้องเรียน เมื่อผู้ตายเดินมาสบจังหวะ จึงใช้ปืนจ่อยิงไปที่ศีรษะ ขณะที่ ร.ต.อ.อาทิตย์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำ พร้อมตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เบื้องต้น ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องขอเวลาทำงาน ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7985646/

ตั้งศาลพระภูมิอย่างถูกหลัก เป็นมงคลกับบ้าน

พบเห็นได้ทั่วไปว่า หลายบ้านตั้งศาลพระภูมิและสักการะบูชากันตามความเชื่อของพราหมณ์ฮินดูที่ว่า ศาลพระภูมิคือที่อยู่ของพระชัยมงคล เทพที่ปกปักษ์รักษาคนในบ้านให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขและเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง แต่การตั้งศาลพระภูมิผิดมีผลบั่นทอนพลังของพระภูมิได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเข้าใจในรายละเอียดอย่างถูกต้อง และที่นี่มีข้อมูลที่จะตอบคำถามว่า ตั้งศาลพระภูมิใช้อะไรบ้าง และตั้งศาลพระภูมิวันไหนดี การเลือกศาลพระภูมิ ลักษณะของศาลพระภูมิ คือ มีเสาเพียงต้นเดียว โดยไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวในการเลือกขนาด สี และความสูง ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและงบประมาณของเจ้าของบ้าน ตามตำราแล้ว ระดับชานชาลาของศาลพระภูมิควรอยู่เหนือระดับปากของเจ้าของบ้าน แต่บางตำราก็ว่า ควรอยู่เหนือระดับคิ้วของเจ้าของบ้าน ส่วนสีนั้น ไม่ควรใช้สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีดำ ซึ่งเป็นสีของธาตุน้ำที่ไม่ถูกกับศาลพระภูมิที่เป็นธาตุไฟ องค์ประกอบของศาลพระภูมิ การตั้งศาลพระภูมิต้องเตรียมอะไรบ้าง หัวใจสำคัญของการตั้งศาลพระภูมิ คือ องค์ประกอบของศาลพระภูมิ ซึ่งมีดังนี้ เจว็ดศาลพระภูมิ เจว็ดศาลพระภูมิ คือ แผ่นไม้รูปร่างคล้ายใบเสมาหรือแกะสลักเป็นรูปเทวดาถือพระขรรค์ โดยเมื่อทำพิธีปลุกเสกแล้ว จะเรียกว่า พระภูมิ ซึ่งเป็นประธานของศาลพระภูมิ บริวารของพระภูมิ - ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่ - ตุ๊กตาช้างม้า อย่างละ 1 คู่ - ละครยก 2 โรง หรือละครรำ เครื่องประดับตกแต่งศาลพระภูมิ สถานที่ตั้งศาลพระภูมิ - ตั้งศาลพระภูมิบนพื้นดิน โดยห้ามตั้งศาลบนพื้นเดียวกันกับตัวบ้าน แต่หากไม่มีบริเวณพื้นดินจริง ๆ ให้ตั้งศาลพระภูมิที่ชั้นดาดฟ้าได้ - ควรยกพื้นให้พื้นที่ตั้งศาลพระภูมิสูงขึ้นจากพื้นดินประมาณ 1 คืบ - ตั้งศาลพระภูมิให้ห่างจากตัวบ้าน โดยไม่ให้เงาของตัวบ้านทอดลงมาทับศาลพระภูมิได้ - ห้ามหันหน้าศาลพระภูมิเข้าไปทางตัวบ้าน ห้องน้ำ และประตูของตัวบ้าน - ให้มีระยะห่างจากที่ตั้งศาลพระภูมิกับกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร ทิศทางของศาลพระภูมิ ตามความเชื่อโดยทั่วไป ศาลพระภูมิควรหันหน้าไปทางทิศดังนี้ - ทิศที่ดีเป็นอันดับ 1 คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ทิศที่ดีเป็นอันดับ 2 คือ ทิศตะวันออก - ทิศที่ดีเป็นอันดับ 3 คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ - ทิศต้องห้ามคือ ทิศตะวันตกและทิศใต้ หลังจากที่ได้ทิศทางแล้ว ต้องพูนดินบริเวณที่ตั้งศาลพระภูมิให้สูงจากพื้นประมาณ 1 คืบ จากนั้นให้ใช้มือเกลี่ยดินแล้วทุบให้แน่น ทั้งนี้ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด และเนื่องจากเป็นพื้นที่สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องขับไล่สิ่งชั่วร้ายก่อน โดยให้นำน้ำมนต์ธรณีสาร (น้ำที่พระสงฆ์ทำพิธีสวดพระพุทธมนต์โดยใส่ใบไม้ต้นธรณีสารลงในน้ำ) มาประพรมบริเวณที่ตั้งศาลพระภูมิ การปักเสาตั้งศาลพระภูมิ ก่อนวันทำพิธีตั้งศาลพระภูมิ จะต้องเตรียมหลุมสำหรับปักเสาศาลพระภูมิ โดยมีสิ่งของที่ต้องเตรียมในการปักเสา คือ พานครู 1 พาน สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท นอกจากนี้ จะต้องใส่ของมงคลในหลุมเสาศาลพระภูมิด้วย โดยมีรายการดังนี้ - เหรียญเงินและเหรียญทองอย่างละ 9 เหรียญ - ใบเงิน 9 ใบ - ใบทอง 9 ใบ - ใบนาค 9 ใบ - ใบมะยม 9 ใบ - ใบรัก 9 ใบ - ใบนางกวัก 9 ใบ - ใบนางคุ้ม 9 ใบ - ใบกาหลง 9 ใบ - ดอกบานไม่รู้โรย 9 ดอก - ดอกพุทธรักษา 9 ดอก - ไม้มงคล 9 ชนิด - แผ่นเงิน ทอง และนาค 1 ชุด - พลอยนพเก้า 1 ชุด - เช่นกัน ในการกลบหลุมเสาศาลพระภูมินั้น ต้องใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด ฤกษ์ยามในการทำพิธีตั้งศาลพระภูมิ ฤกษ์ยามถือเป็นเรื่องซับซ้อนและละเอียดอ่อน เพราะแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ซึ่งทำให้วันเวลาที่เหมาะสมในการทำพิธีกรรมแตกต่างกันด้วย จึงขอแนะนำให้ปรึกษาพราหมณ์หรือโหรผู้มีความรู้เกี่ยวกับฤกษ์ยาม เพื่อดูวันเดือนปีเกิดของเจ้าบ้านและหาฤกษ์ที่เป็นสิริมงคลกับเจ้าบ้านโดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้วันต้องห้ามโดยทั่วไปมีดังนี้ เมื่อทราบหลักสำคัญในข้างต้นว่าการตั้งศาลพระภูมิมีอะไรบ้างแล้ว ขั้นต่อไปก็คือ การประกอบพิธีกรรม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้คือ พราหมณ์และผู้สืบทอดการทำพิธีจากพราหมณ์ และเมื่อตั้งศาลพระภูมิและทำพิธีบวงสรวงอย่างถูกต้องแล้ว เชื่อกันว่าจะช่วยส่งเสริมให้พระภูมิมีพลังในการดูแลคนในบ้านให้ประสบความสุขและความเจริญได้อย่างเต็มที่ ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/home/23717/

กรมอุตุฯ ประกาศฤดูหนาวประเทศไทย เริ่ม 17 ตุลาคม 2562-หนาวกว่าปี 2561

       กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฤดูหนาวประเทศไทย เริ่มวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ชีจะหนาวกว่าปี 2561 และยาวนานมากกว่า

ฤดูหนาว

ภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

       วันที่ 13 ตุลาคม 2562 กรมอุตุนิยมวิทยา ได้เผยพยากรณ์อากาศคาดหมายฤดูหนาวปี 2562 โดยระบุว่า ฤดูหนาวปีนี้จะเริ่มต้นในวันที่ 17 ตุลาคม 2562 สิ้นสุดประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563

       โดยในปีนี้อากาศจะนาวเย็นและยาวนานมากกว่าปี 2561 อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20-21 องศาเซลเซียส (ปี 2561) อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21.9 องศาเซลเซียส หมอกหน้าบางพื้นที่ในตอนเช้า บางช่วยที่อากาศอุ่นขึ้น
ฤดูหนาว

ภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา


ฤดูหนาว

ภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา


ฤดูหนาว
ภาพจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/194865

อาม่า โดนสาวแบงก์โกงเงิน 13 ล้าน ธนาคารชดใช้ 10 ล้าน อีก 3 ล้าน ให้ไปฟ้องร้องเอา

อาม่า วัย 83 แจ้งความธนาคาร ปมถูกสาวแบงก์ยักยอกเงินฝาก 13 ล้าน แต่ธนาคารชดใช้ 10 ล้าน ส่วนอีก 3 ล้านให้ไปฟ้องร้องเอา วันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 รายการข่าวเที่ยงอมรินทร์ รายงานว่า นางอรุณพร หวังสันติพร อายุ 83 ปี เจ้าของกิจการบริษัท กรุงไทยออดิโอ จำกัด ผู้ผลิตผลงานศิลปินลูกทุ่ง พร้อมด้วย นายวิจิตร บุตรชาย, นางวันวิสาข์ สะใภ้ และทนายความ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ให้ติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูกพนักงานธนาคารที่ดูแลเงินฝากอยู่เป็นประจำ ปลอมบัญชีธนาคารยักยอกเงินไปกว่า 13 ล้านบาท นางวันวิสาข์ บอกว่า แม่นำเงินไปฝากกับธนาคารดังกล่าวมานานกว่า 40 ปี จนเป็นลูกค้าระดับ VIP และรู้จักกับ น.ส.สุปรียา ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารในขณะนั้น ปี 2560 น.ส.สุปรียา ได้ย้ายไปอยู่ที่สาขาตากสิน และชวนให้ย้ายบัญชีมาที่สาขาดังกล่าว แต่ต้นปี 2561 ผู้จัดการธนาคารได้แจ้งมาว่า พบบัญชีเงินฝากตกหล่นอยู่ที่ธนาคาร ก่อนจะพบว่าบัญชีนั้นถูกเปิดโดยการปลอมลายเซ็น ไม่กี่เดือนต่อมา น.ส.สุปรียา ก็ถูกดำเนินคดี กรณียักยอกทรัพย์ลูกค้ารายอื่นอีก 4-5 ราย ตนจึงไปแจ้งความด้วย แต่ผ่านไปกว่า 1 ปี คดียังไม่คืบหน้า ส่วนเงินที่เสียหายก็ได้ไปไกล่เกลี่ยกับธนาคาร มีการชดใช้มาประมาณ 10 ล้าน แต่อีก 3 ล้านบาท บอกว่าตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้ เป็นบัญชีซ้ำ และให้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง ขณะที่ นางอรุณพร เจ้าของบัญชีเงินฝาก บอกว่า ที่ผ่านมาตนไว้วางใจธนาคาร เพราะใช้บริการธนาคารแห่งนี้มากว่า 40 ปี และ น.ส.สุปรียา ก็ดูแลตนดีมาตลอด ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และอยากให้ทางธนาคารคืนเงินส่วนที่เหลือ เนื่องจากเป็นเงินที่ตนค่อย ๆ เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยยังสาว ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/196807

คำชะโนดฮือฮา จู่ๆ นางรำหมดแรงทรุดนั่ง ก่อนเขียนเลขเด็ด 3 ตัวใส่กระดาษ

           (29 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณลานบวงสรวงหน้าเกาะคำชะโนดวังนาคินทร์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อว่าเป็นที่สถิตของพญานาคราชพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา บ้านโนนเมือง ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่า ในช่วงวันหยุดยาวและใกล้วันของนักเสี่ยงโชคจะมาถึง ที่ลานบวงสรวงนั้นนั้นแน่นไปด้วยคณะของนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาแก้บนบ้าง บางคณะมีทำพิธีบวงสรวงขอโชคลาภกันตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

            โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาแก้บนและขอโชคลาภต่อ ได้นำข้าวของเครื่องไหว้มาทำพิธีบวงสรวง หลังจากที่พ่อจ้ำได้พานำทำพิธีสื่อถึงปู่และย่าแล้ว ก็มีการรำถวายปู่การรำถวายปู่ย่า แล้วแต่ความต้องการของเจ้าภาพ คณะดังกล่าวเสร็จพิธีแล้วให้นาคน้อยคำชะโนดรำถวายปู่ร่วมกับนางรำที่เดินทางมากับคณะ

            หลังใช้เวลารำถวายปู่อยู่เกือบ 20 นาที่ นางรำที่รำร่วมกับนาคน้อยมีท่าทางเหมือนหมดแรงทรุดตัวนั่งลงกับพื้น และยังมีคนเตรียมกระดาษปากกาไว้ให้เขียนเลข ทำเอาคอหวยแห่เข้าดูเลขเด็ดกันวุ่นวาย การรำของ 3 นางรำถวายปู่เขียนเลขไม่เหมือนกัน คนแรกเขียนลงบนกระดาษมีเลขเด็ด 507 แผ่นที่สอง 057 แผ่นที่สาม 865 เป็นความเชื่อส่วนบุคคลห้ามกันไม่ได้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7849414/

วิธีตรวจสอบว่า iPhone ที่คุณกำลังจะซื้อเป็นเครื่องใหม่จริงหรือไม่

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

            Apple เตรียมวางจำหน่าย iPhone 11 ในวันที่ 18 ตุลาคมที่จะมาถึงนี้ ช่วงนี้ก็จะเห็นตลาดมือสองค่อนข้างคึกคักหน่อย ก็มีทั้งคนที่ขายของเก่าเพื่อรอซื้อของใหม่ และคนที่รอสอยของมือสองราคาไม่แพงใช้แก้ขัดรอรุ่น 5G เป็นต้น ที่จริงการซื้อเครื่องมือหนึ่งจากศูนย์ก็ไม่ต้องห่วงว่าเราจะได้เครื่องย้อมแมวหรือเครื่องซ่อม แต่ที่ต้องเช็คหนักหน่อยก็คือเครื่องมือสองนี่แหละครับ

            เป็นเครื่องเดิม ๆ จริงหรือไม่?

            เราสามารถตรวจสอบได้ง่าย ๆ โดยการเข้าไปที่ Settings > General > about แล้วเลื่อนลงมาดูที่ Model หรือโมเดลของเครื่อง ตัวอักษรหน้าสุดจะสามารถบอกได้ว่าตัวเครื่องเป็นเครื่องเดิมจากศูนย์ เป็นเครื่องเคลม หรือเครื่อง Refurbish ดังนี้

            รหัส M: เป็นเครื่องใหม่จากศูนย์ ไม่ใช่เครื่องสำหรับเคลม รหัส F: เป็นเครื่อง Refurbish หรือเครื่องที่ผ่านการซ่อมส่วนที่สึกหรอแล้วกลับมาขายใหม่ รหัส N: เป็นเครื่อง Replacement หรือเครื่องสำหรับเคลม รหัส P: รหัสนี้ถือเป็นเครื่องใหม่ เพียงแต่ผ่านการสลักชื่อที่ด้านหลังเครื่องมาเท่านั้น

            อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้ Apple เริ่มหันมาเปลี่ยนชิ้นส่วนบางชิ้นที่เกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพตามระยะเวลา เช่น แบตเตอรี หน้าจอ โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งเครื่องแล้ว กรณีชิ้นส่วนเหล่านี้จะมีเอกสารยืนยันจาก Apple ไม่ว่าจะ Apple Store หรือตัวแทนหลังการขาย ซึ่งเอกสารที่ปรากฏ เลขอีมีหรือซีเรียลของเครื่องจะต้องตรงกับเอกสารครับ

            แต่ กรณีที่อุปกรณ์เหล่านั้นถูกเปลี่ยนชิ้นส่วนจากร้านภายนอกที่ไม่ใช่ร้านอย่างเป็นทางการ เราสามารถตรวจสอบได้อย่างไรบ้าง?

            อุปกรณ์ที่ผ่านการเปลี่ยนแบตเตอรีจากร้านค้าภายนอก ระบบจะมีการแจ้งเตือนว่าอุปกรณ์เครื่องนี้มีการเปลี่ยนแบตเตอรีจากร้านภายนอกมา และไม่มีการแสดงสถานะของสุขภาพแบตเตอรีด้วย

            ส่วนหน้าจอ iPhone นั้นตอนนี้สามารถตรวจสอบได้เฉพาะ iPhone 11 รุ่นใหม่เท่านั้น โดยจะมีการแสดงข้อความว่า iPhone เครื่องนี้ผ่านการเปลี่ยนหน้าจอจากร้านภายนอกมา

            น่าเสียดายที่คุณสมบัติดังกล่าวรองรับเฉพาะ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max + iOS 13.1 ขึ้นไปเท่านั้น หวังว่า Apple จะทำให้ iPhone รุ่นเก่า ๆ สามารถตรวจสอบได้เช่นเดียวกัน

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1486285/

5 จุดเด่นโดนใจของ OPPO A5 2020 สเปคแรง ในราคาที่คุ้มสุดๆ!

             ถ้าพูดถึงสมาร์ทโฟนน้องเล็กที่มีสเปคแรงคุ้มราคา ก็คงหนีไม่พ้น OPPO A5 2020 ที่นอกจากจะมาพร้อมกล้องหลังถึง 4 ตัวแล้ว ยังมาพร้อมอีกหลายๆ ฟังก์ชั่นที่ทำให้ OPPO A5 2020 กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ใครหลายๆ คนอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมมาให้แล้วว่า 5 จุดเด่นโดนใจของ OPPO A5 2020 มีอะไรบ้าง มาชมกันเลย

1. ดีไซน์เรียบหรู ดูแพง จนต้องร้องว้าว!

             ขอบอกก่อนเลยว่า OPPO A5 2020 ตัวนี้มีราคาไม่ถึง 5,000 บาท แต่ดีไซน์ที่ได้นั้นสวยหรู ดูแพงสุดๆ ทั้งด้วยฝาหลังเงาวาวมีมิติ ทำให้จับได้กระชับมือ และด้วยหน้าจอแบบ Waterdrop Screen ที่ปรับหยดน้ำให้เล็กลงเพื่อให้เห็นได้เต็มตามากขึ้น ในขนาด 6.5 นิ้ว ทำให้ใครเห็นก็ต้องร้องว้าว

2. ถ่ายภาพสนุกยิ่งขึ้นด้วยกล้องหลัง 4 ตัว จัดเต็ม สำหรับสายแชะ

             สายถ่ายภาพต้องโดนใจสุดๆ เพราะ OPPO A5 2020 จะทำให้ถ่ายภาพได้สนุกยิ่งขึ้นด้วยกล้องหลังที่ให้มาถึง 4 ตัว ทั้งกล้องหลัก 12MP, เลนส์ Ultra Wide Angle 8 MP, เลนส์ Portrait 2 MP และ เลนส์ Mono 2 MP ซึ่งทั้ง 4 เลนส์นี้ทำให้ถ่ายได้ทั้งถ่ายภาพธรรมดา Portrait และ Ultra Wide Angle รวมถึงกล้องหน้า 8MP ที่มาพร้อม AI Beauty 2.0 เอาล่ะ มาชมภาพที่ถ่ายด้วย OPPO A5 2020 ชัดๆ กันเลย!

             เริ่มกันที่โหมด Ultra Wide Angle โหมดนี้ช่วยให้เราเก็บวิว เก็บพื้นหลังได้กว้างจุใจ แถมสาวๆ คนไหนที่อยากขาเรียวยาว ก็สามารถใช้โหมดนี้ทำให้ดูสูงขึ้นมาได้แบบไม่ต้องง้อแอปกันเลย!

             มาต่อกันเลยที่ โหมด Portrait ซึ่งครั้งนี้มีการเพิ่มเลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลสวยกว่าเดิม หน้าชัด หลังละลาย ถือว่าทำได้ดีมาก แถมยังมีฟิลเตอร์เพิ่ม mood& tone ให้กับภาพ ถือเป็นฟีเจอร์ที่ใครหลายๆ คนติดใจ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาแต่งรูปแล้ว ยังช่วยให้ได้ภาพที่หลากหลายกว่าภาพธรรมดาๆ ด้วยน้า

             สำหรับกล้องหน้าบอกเลยว่าสวยได้ไม่ต้องพึ่งแอป เพราะมี AI Beauty 2.0 ที่ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้สวยได้ดั่งใจทันที อะ เทียบกันไปเลยว่าหน้าเนียนขึ้นขนาดไหน แถมยังดูธรรมชาติ ไม่หลอกตามากจนเกินไปอีกด้วย

3. เล่นได้ไหลลื่นด้วย RAM 3GB ROM 64GB พร้อม Snapdragon 665

             มาพูดเรื่องการใช้งานของ OPPO A5 2020 กันบ้าง โดยรุ่นนี้มี RAM 3GB ROM 64GB Snapdragon 665 และ Game Boost 2.0 ที่ช่วยให้เล่นเกมเฟรมเรตไม่ตก และสัมผัสได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจากที่ลองเล่น ROV แล้วบอกได้เลยว่าเล่นได้ไหลลื่น ภาพสวย โดยเฟรมเรตจะอยู่ที่ 58-60 fps

4. ดูหนังอินสุดๆ ด้วยลำโพงสเตอริโอแบบคู่ และ Dolby Atmos

             อีกหนึ่งจุดเด่นโดนใจที่ทั้งสายซีรีส์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือจะเล่นเกม ต่างก็เทใจให้ เพราะความคมชัดสมจริงของลำโพงสเตอริโอแบบคู่ และ Dolby Atmos ที่ลองฟังดูแล้ว เสียงกระหึ่มสมจริง คมชัด เกินราคาเลยทีเดียว!

5. เล่นได้ตลอดวัน ไม่ต้องกั๊ก ด้วยแบตอึดถึง 5,000 mAh

             สำหรับใครที่ใช้งานหนักๆ ทั้งถ่ายรูป เล่นเกม ดูหนังทั้งวัน ก็ไม่ต้องห่วง เพราะ OPPO A5 2020 ให้แบตเตอรี่มาถึง 5,000 mAh ทำให้ใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าเก็บพาวเวอร์แบงค์เข้าตู้ไปได้เลย อึดขนาดนี้เชื่อว่าต้องโดนใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน

             เป็นยังไงกันบ้าง ครบแล้วกับ 5 จุดเด่นโดนใจของ OPPO A5 2020 ที่มีทั้งดีไซน์สวยหรู ดูแพง ทั้งสีขาว Dazzling White และสีดำ Mirror Black, กล้องหลังที่ให้มาถึง 4 ตัว, ชิปเซ็ต Snapdragon 665 RAM 3GB ROM 64GB, เสียงสมจริงด้วย Dolby Atmos และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 5,000mAh ซึ่งขอบอกก่อนว่าถึงแม้จะให้ฟีเจอร์กันแบบจัดเต็มขนาดนี้ แต่ OPPO A5 2020 ราคาเพียงแค่ 4,999 บาทเท่านั้น! โอ้โห สเปคแบบนี้ราคาเท่านี้ถือว่าคุ้มสุดๆ สามารถจับจองเป็นเจ้าของ OPPO A5 2020 ได้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ


ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
 https://www.facebook.com/oppothai/

ชาวบ้านแห่ขอโชครอบ 2 "ไม้ตุ้มสองนาง" โบราณอายุกว่า 100 ปี หลังได้โชคงวดที่ผ่านมา ขณะที่คอหวยไม่พลาดได้ "เลขเด็ด" กลับไปเสี่ยงโชค

คอหวยแห่ส่องเลขเด็ด "อ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร" พร้อมถวายเสื้อกีฬาแก้บน 100 ชุด
INN News
สนับสนุนเนื้อหา
(12 ต.ค.) ที่อาศรมฤๅษีเณร ถนนวงแหวนตะวันตกหมายเลข 9 บางปะอิน-ปทุมธานี ประชาชนนักเสี่ยงโชคจำนวนมากเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างคึกคัก พร้อมส่องเลขเด็ดอ่างน้ำมนต์อาศรมฤๅษีเณรเนื่องจากใกล้วันหวยออก และร่วมถวายชุดกีฬา 100 ชุด เพื่อแก้บนกุมารเจ้าสัวเฮง
โดยตลอดทั้งวันพบว่ามีประชาชนเดินทางเข้ามาดูตัวเลขที่ลอยอยู่ในอ่างน้ำมนต์ฤๅษีเณร ซึ่งปรากฏเป็นตัวเลข 0,4,6,2,7 และ 8 ลอยอยู่บนผิวน้ำมนต์ที่อ่าง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะลอยวนเวียนไปเรื่อยไม่อยู่กับที่ ตัวเลขนี้เกิดจากฤๅษีเณรธาตุพุทธคุณทำพิธีจรดตัวเลขเรียกว่า “เลขโสฬสสะระตะ” เมื่อคอหวยได้เห็นจึงนำไปเสี่ยงโชค รวมทั้งส่งต่อให้เพื่อนๆ จนมีผู้ที่ถูกรางวัลได้โชคลาภ
นอกจากนี้ ประชาชนที่มาที่อาศรมยังได้สักการะกุมารเจ้าสัวเฮงถวายชุดกีฬา 100 ชุด เพื่อแก้บนพร้อมถวายน้ำแดงเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัว รวมถึงร่วมพิธีอาบน้ำมนต์ล้างทุกข์โศกโรคภัย
ด้าน อาจารย์ฤๅษีเณร ธาตุพุทธคุณ กล่าวว่า วันนี้มีประชาชนเดินทางเข้ามาถวายชุดนักกีฬาให้กับกุมารเจ้าสัวเฮง พร้อมถวายน้ำแดงเนื่องจากที่ผ่านมามีประชาชนที่ได้รับโชค จากการที่ได้ฝันถึงกุมารเจ้าสัวเฮงจนได้รับโชคกัน มีหลายท่านที่บอกว่ากุมารเจ้าสัวเฮงอยากได้ชุดกีฬา จึงมีการรวมเงินเพื่อซื้อชุดนักกีฬามาถวายกว่า 100 ชุด
ซึ่งทางอาศรมฤๅษีเณรจะได้นำชุดเหล่านี้เก็บไว้เพื่อบริจาคให้กับเด็กชาวเขาที่อยู่ห่างไกลและยากไร้ อาศรมฤๅษีเณรเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 18.00 น. ในส่วนของวันเสาร์และอาทิตย์มีพิธีอาบน้ำมนต์ล้างทุกข์โศกโรคภัย เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น หรือจะเอาของใดมาแก้บน เอาของสิ่งใดมาถวายไว้ รับประกันว่าของนี้เป็นบุญเป็นกุศล
ฝากประชาชนว่าในวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เป็นวันคล้ายวันเกิดฤๅษีเณร จะมีการแจกเหรียญรุ่นรวยทรัพย์ แจกข้าวสารสำหรับผู้เข้าพิธี นอกจากนี้ยังมีพิธียกเศียรพ่อปู่ฤๅษีพรหมเมศร์ สูง 34 เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เรียนเชิญพ่อแม่พี่น้องมาตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป


ขอบคุณที่มา https://www.sanook.com/news/7921386/

เปิดปมสังหารครูสองผัวเมียดับสยองคาบ้าน คนร้ายฆ่าชิงรถดูคาติ 6.5 แสน

ตำรวจออกหมายจับคนร้ายฆ่าโหดครูผัวเมียดับสยองคาบ้านพัก พบทำทีเหมือนจะซื้อรถซื้อรถดูคาติ ก่อนฆ่าทั้งสองอย่างเหี้ยมโหด จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ได้เกิดคดีคนร้ายบุกเข้าไปใช้อาวุธมีดแทง นายอโรชา หรือ ครูเอ็ม และ น.ส.ปรียาภรณ์ หรือ ครูแนน สองสามีภรรยาที่บ้านหลังหนึ่ง ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง เบื้องต้น ตำรวจได้ตั้งปมไว้ในหลายประเด็น ทั้งฆ่ากันเอง ฆ่าชิงทรัพย์ และฆ่าล้างหนี้ >> ครู 2 ผัวเมียถูกฆาตกรรมโหด เลือดสาดสยองทั่วบ้าน ข้อความปริศนาแปะหน้าประตู ล่าสุด วันนี้ (29 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จ.ระยอง กล่าวว่า ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว ชุดสืบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน พอที่จะออกหมายจับตัวคนร้ายแล้ว ส่วนคนร้ายเบื้องต้นมี 1 คน คือ นายศุภกฤต อายุ 22 ปี สาเหตุเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์ คาดว่าภายในวันสองวันนี้จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ ส่วนสาเหตุจูงใจที่คนร้ายลงมือสังหารโหด ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนัดให้คนร้ายมาดูรถดูคาติ ราคา 6.5 แสนบาท ที่บ้าน เมื่อคนร้ายมาถึงทำทีเหมือนจะซื้อรถ แต่ก็ไม่ได้ซื้อแต่กลับฆ่าทั้งสองอย่างเหี้ยมโหด และชิงรถดูคาติออกไป ซึ่งกล้องวงจรปิดในหมู่บ้านจับภาพไว้ได้ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. นายแก้ว อายุ 69 ปี นางนงเยาว์ อายุ 62 ปี พ่อแม่ของครูปรียาภรณ์ ผู้เสียชีวิต และ นายสมาน อายุ 64 ปี พ่อและแม่ของครูอโรชา ผู้เสียชีวิต พร้อมญาติทั้งสองฝ่าย ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนยังบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ทั้งสองฝ่ายเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน และสภาพภายในบ้านเพื่อส่งมอบบ้านคืนให้ญาติของผู้ตาย เนื่องจากตรวจสอบเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โดยญาติทั้งสองฝ่ายต่างตรวจสอบสภาพบ้านด้วยความเศร้าเสียใจเนื่องจากเต็มไปด้วยเลือดทั้งบ้าน จากการสอบถาม นายแก้ว พ่อของผู้ตายฝ่ายหญิง กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เจอลูกสาวมาเกือบปีแล้ว มีแต่แม่ที่เคยมาอยู่กับลูกสาวเป็นเดือน เพิ่งกลับไปไม่นาน ซึ่งลูกสาวก็โทรไปชวนให้กลับมาที่ระยองอีก แต่ตนเองทั้งสองติดเก็บเกี่ยวข้าวรอให้เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก่อน มารู้ข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิตก็ตกใจและเสียใจมาก สำหรับศพจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดของแต่ละคน ฝ่ายตนจะนำกลับไปที่ จ.พะเยา ส่วนฝ่ายชายจะนำกลับไปที่ จ.ชัยนาท โดยไม่ส่งสถาบันนิติเวชแล้ว เนื่องจากทาง รพ.ระยอง ได้ผ่าพิสูจน์ครบถ้วนแล้ว ส่วนเรื่องคดีก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967646/

คอหวยจับตา นางรำเกาะคำชะโนดใช้มือเขียนตัวเลขลงผืนพรม

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (29 ธ.ค.) ที่เกาะคำชะโนด ลานบวงสรวงวังนาคินทร์ พญานาคราช พ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมา บ้านโนนเมือง  ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่า แรงศรัทธาพ่อปู่และแม่ย่ายังแน่น นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เกาะคำชะโนดหนาตายิ่งใกล้ถึงวันเสี่ยงโชค

             สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเกาะคำชะโนดเพื่อไหว้ขอพรขอความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองนั้น บางคนที่มานั้นไม่ชอบความวุ่นวายจากพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายลอตเตอรี่ ก็ใช้เส้นทางใหม่เป็นสะพานใกล้เกาะสะดวกสบายไม่มีคนขายลอตเตอรี่ สามารถเดินเข้าถึงลานบวงสรวงหน้าเกาะ เข้ากราบไหว้หรือทำพิธีบวงสรวงได้เลย

             สำหรับที่ลานบวงสรวงนั้นวันนี้แน่นไปด้วยโต๊ะบวงสรวงมีหลายคณะที่เดินทาง เช่น พี่น้องที่เดินทางมาจากจังหวัดยโสธรบอกว่าเพิ่งเคยมาวันนี้ มาบวงสรวงขอโชคลาภจักพ่อปู่แม่ย่า ที่โต๊ะบวงสรวงก็มาการทำพิธีมีพ่อจ้ำพากล่าวบูชาที่ขาดไม่ได้ยังมีขันน้ำมนต์

             หลังพิธีเสร็จแล้วก็ต้องส่องหาตัวเลขกัน บ้างก็บอกว่าน้ำตาเทียนที่หยดลงไปมองเห็นเลข 84,11 สุดแท้จะมองเห็น หลังจากนั้นก็มีการรำถวายปู่และย่าเพื่อความเป็นสิริมงคล ในขณะที่รำนั้นคอหวยที่ชอบหาตัวเลข ยังสังเกตเห็นนางรำถวายใช้มือเขียนตัวเลขลงผืนพรมสีแดง บางคนมองเห็นชัดๆ คือเลข 8 ส่วนตัวที่สองไม่ชัดเจน แต่พอเดาได้ว่า มี 86,86 และ 51

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7937226/

"พุทธิพงษ์" เผย จับแล้ว มือโพสต์ภาพแฟลชม็อบมิบังควร แต่เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้

วันนี้ ในเพจเฟซบุ๊ก "พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" ของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยแพร่ภาพพร้อมข้อความ ที่เกี่ยวข้อง กับกรณีการชุมนุมแฟลชม็อบ ซึ่งมีการโพสต์ภาพบางภาพที่อาจจะเป็นการกระทำที่ไม่สมควร โดยระบุว่า จากการโพสต์ภาพอันมิบังควร และทำร้ายจิตใจคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ทางผมและทีมงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้รีบดำเนินการเก็บหลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ จนล่าสุดตอนนี้ทางตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะมีผลต่อรูปคดี ซึ่งถ้าแถลงข่าวได้เมื่อใด ผมจะรีบแจ้งทันทีครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครทนได้ ผมก็เช่นกัน ขอต่อสู้อย่างที่สุด เพื่อปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของผองไทย #ourBelief #บีพุทธิพงษ์ ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7985546/

แฉอุบาย สมคิด พุ่มพวง ล่อด้วยสินสอด สัญญามั่นแต่งงาน ตายใจก่อนฆ่าเหยื่อตายจริง

แฉกลอุบายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ก่อนฆ่านางรัศมี พบแสร้งให้รัก บอกจะจัดงานแต่งงาน เวลาอยู่ด้วยกันก็ทำงานบ้านให้ จะให้ทั้งทองคำ รถยนต์ และเงิน จนเหยื่อตายใจ แล้วจึงฆ่าอย่างทารุณ จากข่าวที่สังคมติดตาม กับกรณีของ นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง ที่เพิ่งถูกปล่อยออกจากคุกมาได้ไม่นาน ก็มาฆ่านางรัศมี มุลิจันทร์ หรือฝ้าย อายุ 51 ปี แม่บ้านโรงแรม จนเป็นเหยื่อรายที่ 6 ซึ่งขณะนี้ ตำรวจได้ปูพรมล่าตัวนายสมคิด เพื่อนำกลับมารับโทษ (อ่านเพิ่มเติม แฉ ไอ้สมคิด หัวหมอไม่ธรรมดา เรียนกฎหมายจากคดีเก่า ใช้สู้คดีที่ก่อเหตุใหม่) ทั้งนี้ รายการทุบโต๊ะข่าว ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่ วัดศรีสว่าง เขตเทศบาลตำบลหนองโก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีการจัดงานศพของ นางรัศมี ซึ่งนางนารี ถนิมกาญจน์ พี่สาวของนางรัศมี เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1-14 ธันวาคม ที่ผ่านมา นางรัศมีได้มาปรึกษาตนเรื่องจะขอออกรถใหม่ ประมาณ 3 ครั้ง โดยนางรัศมีบอกว่า นายสมคิดจะออกรถยนต์ให้ แต่ใช้ชื่อของนางรัศมีเป็นเจ้าของ และให้ตนเป็นคนค้ำประกัน แต่ญาติมองเกมออก และบอกว่าจริง ๆ แล้ว นายสมคิดต้องการให้นางรัศมีออกรถยนต์ให้นายสมคิดไปขับ เมื่อนางรัศมีออกรถยนต์ให้ไม่ได้ นายสมคิดจึงบอกนางรัศมีว่า อย่าไปติดต่อกับญาติอีก สิ่งที่ตนเสียใจ คือ เหตุใดกรมราชทัณฑ์ถึงกล้าปล่อยฆาตกรต่อเนื่องออกมาอย่างง่ายดาย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนกระบวนการปล่อยตัวนักโทษด้วย "พอรู้ว่ามีคดีแบบนี้ เขาปล่อยมาได้ยังไง ฆ่าคนตั้ง 5 คนแล้ว โทษเขาประหาร จะเข้าบางขวางอยู่แล้ว แต่โทษเขา 14 ปีเอง" ด้านทีมงานเดินทางไปที่โรงแรมที่นางรัศมีทำงาน และพบกับนางละไมเพื่อนร่วมงาน ซึ่งนางละไมเผยว่า ก่อนหน้านี้ นายสมคิดจะมารับมาส่งนางรัศมีทุกวัน นายสมคิดชอบแต่งตัวปิดบังตัวเอง ใส่หมวก ใส่หน้ากากอนามัย และไม่สบตาใคร เหตุที่นางรัศมี รักนายสมคิดมากจนตายใจ เพราะนายสมคิดเล่นบทพ่อบ้านที่ดี เป็นคนเอาใจ ทำงานบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว ถูบ้านให้ ซ้ำยังบอกว่าจะแต่งงานกับนางรัศมี จองโรงแรมเอาไว้ 6 ห้องเผื่อญาติ ๆ มาพัก จนนางรัศมีตายใจ แม้เพื่อนจะเตือน นางรัศมีก็คิดว่านายสมคิดเป็นคนดี "แกบอกว่าแกรักคนนี้ สะเทือนใจมาก เราคุยกับผู้ต้องหา เราคุยกับคนร้ายเหรอ" ด้านนางนวล เพื่อนบ้านของนางรัศมี เผยว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคม นางรัศมีพานายสมคิดมาแนะนำ บอกว่าเป็นแฟนใหม่ นางรัศมีบอกกับเพื่อนบ้านว่า นายสมคิดขอแต่งงาน มีสินสอดเป็นเงิน 40,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท รถยนต์ 1 คัน และเมื่อถามว่านายสมคิดเป็นใคร นางรัศมีก็บอกว่า นายสมคิดเป็นทนายความจากกรุงเทพฯ นายสมคิดสัญญาว่า ถ้าแต่งงานกัน 15 ธันวาคม จะมอบสินสอดให้ตามนั้น และมีการขอเอกสารของนางรัศมีเพื่อทำธุรกรรม นางรัศมีจึง โทร. ไปหาลูกชาย เพื่อขอเอกสารไป และลูกก็เพิ่งมารู้ว่าแม่มีคนใหม่แล้ว "วันที่ 15 จะจัดงาน วันที่ 16 จะมาผูกแขน เราก็ถามอยู่ เขาก็บอกว่าเขาอยู่ กทม. ส่วนพี่สาวอยู่อุดรธานี เขาก็แต่งตัวดี หน้าตาดี เขาบอกว่าเขาเป็นทนายความ เขาพูดเราก็เชื่อ เขาก็แต่งตัวดี" ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/197570

"หลวงพ่อคูณ เกิดวันที่เท่าไร" ทำไมประวัติ กับบัตรประชาชน "เลขเคลื่อน"

"หลวงพ่อคูณ เกิดวันที่เท่าไร" ทำไมประวัติ กับบัตรประชาชน "เลขเคลื่อน"
ภายหลังที่ทางทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ได้เปิดประเด็นเรื่องบัตรประชาชน พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) หลวงพ่อคูณไปเมื่อวานนี้ ปรากฏว่า ศิษยานุศิษย์ ที่เคารพศรัทธา และติดตามเรื่องราวของหลวงพ่อคูณมาตลอดมีความสับสน เนื่องจากในบัตรประชาชน ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นวันที่ 5 ตุลาคม 2466 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบัตรประชาชนตลอดชีพ เพิ่งเคยเห็น บัตรประชาชนตลอดชีพหลวงพ่อคูณ ทำเมื่อ 10 ก.ค. ปี 51
ในขณะเดียวกัน ศิษยานุศิษย์ ที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา และประชาชนชาวนครราชสีมา ต่างทราบกันดีว่า หลวงพ่อคูณมีวันเกิดตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม 2466 เนื่องจากงานพิธีวันเกิด งานบุญสร้างพระ หรือโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ จะจัดตรงกับวันที่ 4 ตุลาคม ของทุกปี นอกจากนี้ในสารานุกรมเสรี ยังบันทึกข้อมูลไว้ด้วยว่า 



พระเทพวิทยาคม นามเดิม คูณ ฉัตร์พลกรัง หรือที่รู้จักในนาม หลวงพ่อคูณ (4 ตุลาคม พ.ศ. 2466-15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558) เป็นพระเกจิอาจารย์ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มรณภาพ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 วัดบ้านไร่จังหวัดนครราชสีมา อายุ 91 ปี 224 วัน และได้อุปสมบท 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 พรรษา 71 วัดบ้านไร่ ท้องที่ นครราชสีมา
หลวงพ่อคูณ เกิดในชื่อและนามสกุลทางโลกคือ คูณ ฉัตร์พลกรัง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรชายคนโตของบุญ (บิดา) และทองขาว (มารดา) ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาสามคนคือ
ต่อมาทางทีมข่าวเจาะประเด็นได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่งานทะเบียนอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ตอบสงสัยกลับมาว่า ในอดีตนั้นการแจ้งเกิดของคนสมัยก่อนจะล่าช้ากว่าปกติ ยิ่งถ้าบิดา มารดา ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดในพื้นที่ไกลปืนเที่ยง การแจ้งเกิดจึงอาจล่าช้ากว่าปกติ และเป็นไปได้ที่ผู้แจ้งซึ่งไม่ใช่ผู้ปกครองโดยตรงอาจจะจำผิดแจ้งเกิดเป็นวันที่ 5 ตุลาคม อย่างไรก็ตามความทันสมัยของการจัดเก็บข้อมูลของอำเภอในยุคนั้นก็ไม่ได้รัดกุมเหมือนสมัยนี้



"จะเห็นได้ว่าคนรุ่นเก่าหลายคนทั่วประเทศ บางรายในบัตรประชาชนไม่มีวันเกิด ไม่มีเดือน มีเพียงแค่พ.ศ. ที่เกิดเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าปล่อยระยะเวลานานข้ามเดือนข้ามปีจึงค่อยย้อนมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ผู้ปกครองบางรายจึงจำได้เพียงปีเกิดเท่านั้น สำหรับในกรณีหลวงพ่อคูณ ชาวโคราชทราบกันดีว่าท่านเกิดวันที่ 4 ตุลาคม 2466 และจะมีการจัดงานบุญงานสำคัญขึ้นในวันนี้ เนื่องจากหลวงพ่อคูณ ได้ยืนยันด้วยวาจาว่า วันเกิดท่านคือวันที่ "4" ไม่ใช่ "5"

ขอบคุณที่มา https://www.thairath.co.th/content/1478650