ลำดับเหตุการณ์ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา #กราดยิงโคราช ฆ่าไปไลฟ์ไป ใครขวางยิงหมด

        เปิดลำดับเหตุการณ์ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช เริ่มจากกราดยิงที่ค่ายทหาร ก่อนขับรถฮัมวี่มุ่งหน้าสู่เมือง แล้วไปกราดยิงในห้าง สุดเหี้ยม พบยิงไปไลฟ์ไป บอกเจ็บนิ้วไปหมดแล้ว

         วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 มีรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้า เทอร์มินอล 21 โคราช โดยทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ล่าสุดอยู่ที่ 14 คน (จำนวนยังไม่นิ่ง)

ทั้งนี้ ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ มีดังนี้

         - ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ได้ก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชา คือ พ.อ. อนันตโรจน์ กระแสร์ นายทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และหญิงวัย 63 ปี

         - ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ขับรถไปยังคลังอาวุธภายในค่ายทหาร และยิงทหารที่เฝ้าคลังอาวุธ เสียชีวิต 1 ราย รวมในค่ายทหารมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

         - ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ใช้อาวุธสงคราม ยิงประชาชน ที่บ้านถนนหัก ต.ไชยมงคล อ.เมืองนครราชสีมา อีกทั้งยังยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ บาดเจ็บ 2 นาย ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน

         - ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้เข้าไปยังห้าง เทอร์มินอล 21 โคราช พร้อมกับอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนสั้น และวัตถุระเบิด ซึ่ง ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ไลฟ์เฟซบุ๊ก บอกว่า "เจ็บนิ้วไปหมดแล้ว"

          - ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมพื้นที่ภายในห้าง คนที่มาเดินห้างและพนักงาน ต่างไปหลบกันด้วยความหวาดกลัว

          - เจ้าหน้าที่ แนะนำให้คนที่ไม่มีธุระ ออกจากห้างเทอร์มินอล 21 ให้เร็วที่สุด และสั่งปิดพื้นที่รอบห้าง 2 กม.

          - คาดว่าตอนนี้ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา อยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 และจับตัวประกันไว้ทั้งสิ้น 16 คน

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/199803

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 21 ก.พ. 63

        ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 21 ก.พ. 63 โซเชียลตั้งข้อสังเกต นัดตัดสินก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ 3 วัน

        วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ รวม 2 เรื่องดังนี้

        กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พศ 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่

 

        ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนด ประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. 63 เวลา 13.30 น.

        2. กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้อขอให้ศาลฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง ยุบพรรคอนาคตใหม่

        ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องและคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีพอวินิฉัยได้ ไม่จำต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้พยานบุคคล รวม 17 ปาก ตามที่ผู้ถูกร้องยื่นบัญชีระบุพยาน จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563

        และให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรคสาม และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.00 น. เป็นตันไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราขบุรีดิเรกฤทธิ์

        อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ไทยพีบีเอส รายงานว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาระบุว่า ในวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นช่วงวันที่เหมาะสมที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

        เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @tom4vendetta ระบุข้อความว่า "ศาล รธน มีความเห็นไม่เปิดไต่สวนคดียุบ #อนาคตใหม่ และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ก.พ. นี้ ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจพอดิบพอดี

        พวกเขาต้องการจะยุบพรรคอนาคตใหม่ให้ได้ เพื่อทำลายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และตอกตรึงสังคมไทยไว้ให้อยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนตราบนานเท่านาน"

        ขณะที่ความคิดเห็นอื่น ๆ เช่นความคิดเห็นของ บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง ที่แสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ @tanawatofficial ระบุว่า "BREAKING : ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรค #อนาคตใหม่ หรือไม่ ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ในวันที่ 21 ก.พ. นี้ ก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 3 วันเท่านั้น"

 

ขอขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/199671

ราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกสิทธิ์คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดิน เบิกค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศ

          ราชกิจจานุเบกษา ประกาศยกเลิกสิทธิ์คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดิน เบิกค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศ บังคับใช้ทันที

          จากกรณี ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ ระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน 2563 โดยมีใจความสำคัญระบุถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดินในการเดินทางไปปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในประเทศหรือต่างประเทศ นอกจากนี้ในข้อ 8 ได้ระบุว่า ผู้ตรวจการแผนดินสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับคู่สมรสได้ในกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่ได้มีการรายงานไปแล้วนั้น

อ่านข่าว : ผู้ตรวจการแผ่นดิน-คู่สมรส บินดูงาน ตปท. เบิกได้วันละ 4,500-ค่าแต่งตัว 9,000

          ล่าสุดวันที่ 6 กุมาพันธ์ 2563  ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2563 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมีใจความระบุว่า ให้มีการยกเลิก ข้อ 8 แห่งระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดินปี ที่อนุญาตให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคู่สมรสได้ เฉพาะกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อมูลจาก
ราชกิจจานุเบกษา

ไลออนคิง? ลิงบาบูนหอบลูกสิงโตขึ้นต้นไม้ จนท.เผย 20 ปีไม่เคยเห็นแบบนี้

          ภาพน่ารักที่เห็นอยู่นี้ เป็นภาพของลิงบาบูนเพศผู้ ที่หอบเอาลูกสิงโตตัวน้อยขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วดูแลเหมือนเป็นลูกของมันเอง เหตุเกิดในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศแอฟริกาใต้ 

          เคิร์ท ชัลทซ์ เจ้าหน้าที่ของอุทยานเผยกับ AP ว่า ตนทำงานมากว่า 20 ปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เจ้าลิงบาบูนประคบประหงมลูกสิงโต เหมือนเป็นลูกของมันเอง นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาเห็นฝูงลิงบาบูนในอุทยานมีอาการตื่นเต้นอย่างมาก คาดว่าตอนนั้นน่าจะเป็นตอนที่พวกลิงไปพบกับลูกสิงโตตัวนี้เข้านั่นเอง

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026834/

สธ.แถลง พบ 1 ใน 4 ผู้ป่วยที่กลับจากอู่ฮั่น มีความผิดปกติที่ปอด เร่งตรวจมีเชื้อหรือไม่

          พลเรือตรี เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ, นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6, พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้า ของ คนไทย 138 คน ที่อยู่ระหว่างกักตัวเพื่อติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ภายหลังเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮัน ประเทศจีน ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การนำคนไทยกลับบ้าน กรณีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ระหว่างวันที่ 4-28 ก.พ.2563 โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ

          ด้าน พลเรือตรี เกิดศักดิ์ ระบุว่า ในส่วนของคนไข้ 4 คน ที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ปัจจุบัน ผลการตรวจของทั้ง 4 คน ไม่พบว่าเป็นไข้ ขณะที่ผลการตรวจไวรัส เบื้องต้นไม่พบสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่ก็ยังมี บางรายที่พบอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน และ มีอาการไอ โดยจำนวน 1 ใน 4 ราย มีความผิดปกติเล็กน้อยที่ปอดขวาปีกล่าง ซึ่งส่วนนี้จะมีการตรวจเพิ่มเติม รวมถึงจะมีการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ผู้ป่วยทุกคนซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะคนไข้ที่พบความผิดปกติที่ปอด เพื่อยืนยันว่ามีเชื้อหรือไม่

          ขณะที่ นายแพทย์สุเทพ เปิดเผยว่า วานนี้ ทีมแพทย์ ร่วมกับทีมสุขภาพจิตได้ดำเนินการลงพื้นที่ ตรวจประเมินคนไข้ พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบผู้ป่วย ในจำนวน 134 คน ที่เป็นไข้เข้าข่ายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่พบผู้ป่วย 3 คน ที่มีอาการเครียด วิตกกังวล ซึ่งล่าสุด ทางทีมสุขภาพจิต ร่วมกับจิตแพทย์ ได้เข้าไปดูแล ให้คำปรึกษา และใช้ยารักษาร่วมด้วยแล้ว สำหรับการเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วยนั้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กำลังอยู่ระหว่างการหารือ เบื้องต้นคาดว่าช่วงบ่ายจะมีความชัดเจน ภายหลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าด้วยตนเอง ในเวลาประมาณ 15.00 น.

          อย่างไรก็ตาม พล.ร.ท.ประชาชาติ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีญาติของคนไข้ ร้องขอที่จะเดินทางมาเยี่ยม ส่วนคนไข้ ต้องการโทรศัพท์มือถือคืนเพื่อติดต่อสื่อสาร นั้น ยืนยันว่าล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ และ พาสปอร์ตของทุกคนไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะแจกจ่ายได้หากมีคำสั่งลงมา

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026938/

คาเธ่ย์แปซิฟิค ส่อวิกฤติ? ประกาศให้พนักงาน 27,000 คน ลางาน 3 สัปดาห์แบบไม่ได้ค่าจ้าง

        คาเธ่ย์แปซิฟิค สายการบินหลักของฮ่องกงออกแถลงการณ์อนุญาตให้พนักงานทั้งหมด 27,000 คน ลางานได้ 3 สัปดาห์แบบไม่ได้รับเงินค่าจ้าง (Leave Without Pay) โดยสามารถเริ่มลางานได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 30 มิ.ย. 2563 ที่จะถึงนี้

        โดยคำแถลงนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับผลกระทบจากการระบาดของ "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" ที่ส่งผลให้ผู้โดยสารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

        ทั้งนี้ สายการบินระบุว่า การรักษากระแสเงินสดไว้ให้ได้มากที่สุด คือสิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้เพื่อรักษาธุรกิจ โดยขณะนี้ทางคาเธ่ย์ แปซิฟิคได้ยกเลิกเที่ยวบินที่เดินทางไปยังจีนแผ่นดินใหญ่แล้วกว่า 90% พร้อมทั้งยังวางแผนที่จะลดเที่ยวบินในเส้นทางอื่นๆ รวมแล้วกว่า 30% ในช่วงเวลา 2 เดือนข้างหน้า

        อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นเพียงแค่ปัจจัยเสี่ยงใหม่เท่านั้น เพราะในปีที่ผ่านมาทางสายการบินต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักที่เกิดจากเหตุการณ์การประท้วงของประชาชนชาวฮ่องกงหลายล้านคน ที่ลงถนนประท้วงรัฐบาลเพื่อรักษาอธิปไตยซึ่งกินระยะเวลานานหลายเดือน รวมถึงการประท้วงที่สนามบินของฮ่องกง ส่งผลให้คาเธ่ย์ แปซิฟิคต้องยกเลิกเที่ยวบินไปหลายร้อยเที่ยวบิน และการเข้าร่วมประท้วงของพนักงานบางส่วนนำไปสู่การประกาศลาออกของอดีตซีอีโอเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของพนักงาน

        เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคชี้ว่าความต้องการของลูกค้ายังคงน้อยอยู่มาก ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศที่เดินทางในเดือนธันวาคม 2019 ที่มีจำนวนลดลงไป 50% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า และมูลค่าหุ้นในช่วงหนึ่งเดือนแรกของปี 2020 นี้ก็ลดลงไปราว 12% และหากเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเมษายนของปี 2019 มูลค่าหุ้นได้ลดลงไปแล้วมากกว่า 25%

        อย่างไรก็ตาม มีสายการบินอื่นๆ จากทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน โดยขณะนี้มีสายการบินที่ลดจำนวนและยกเลิกเที่ยวบินไปยังประเทศจีนแล้ว ได้แก่ British Airways, Air Asia, Delta, United, American, Air India, Lufthansa และ Finnair

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026958/

Messenger Kids อัปเดตให้ผู้ปกครองตามดูประวัติการแชต วิดีโอคอลและภาพที่ส่งได้

         ตั้งแต่ Facebook เปิดตัว Messenger Kids เมื่อเดือนธันวาคม 2017 มีหลายคนตั้งข้อสงสัยมากมายว่าจะสร้างแอปสำหรับเด็กไปเพื่ออะไร เพราะทุกวันนี้เด็กติดดูคลิปและเล่นเกมบนมือถือจนมีอาการไม่ปกติทางสาย สมาธิสั้น และขาดความเอาใจใส่หน้าที่อย่างอื่นจนผู้ปกครองหลายคนหนักใจ บางรายต้องพาไปพบแพทย์ถึงขั้นบำบัด ก็ไม่แปลกถ้าบางคนจะมีความคิดแว้บเข้ามาว่า Facebook อยากให้เด็กเล่น Messenger Kids เพื่อจะได้มีโฆษณาสำหรับเด็กเข้ามาใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงมีผู้ปกครองออกมาเรียกร้องให้ปิดแอป

         ต่อมาปีที่แล้ว Facebook ออกมายืดอกยอมรับว่า Messenger Kids มีข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย ซึ่งเด็กสามารถเข้าร่วมกลุ่มแชตกับผู้ที่ไม่มีรายชื่อในการติดต่อได้ โดยปกติบุคคลในรายชื่อการติดต่อจะถูกเพิ่มเข้ามาได้ต้องรับอนุญาตจากผู้ปกครองก่อน ดังนั้นเพื่อนที่ผู้ปกครองไม่รู้จักหรือไม่ไว้ใจก็สามารถเข้ามาพูดคุยกับเด็กได้

         4 กุมภาพันธ์ 2020 Facebook ประกาศว่าได้อัปเดต Messenger Kids ให้มีออปชันใหม่เพิ่มเข้ามาสำหรับผู้ปกครองสามารถเห็นและควบคุมการใช้แอปแชตข้อความของลูกหลาน โดยผู้ปกครองสามารถเข้าถึงเครื่องมือควบคุมได้ที่หน้าแดชบอร์ดบน Facebook หลักของตน

         ฟีเจอร์ใหม่จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมว่าใครกำลังส่งข้อความคุยกับเด็ก แม้กระทั่งวิดีโอคอลหาเด็ก และประวัติการคุยของใครก็ตามที่เด็กได้บล็อกเอาไว้ในแอป นอกจากนี้สามารถดูภาพที่เด็กเคยรับส่งหากันได้ด้วย

          นอกจากนี้ผู้ปกครองยังสามารถปลดแอปออกจากการเชื่อมต่อในระยะไกลได้ตลอดเวลา ประมาณว่าคุยกับเพื่อนนานหรือคุยอะไรไม่เหมาะสมก็ปิดการเชื่อมต่อได้ทันที และผู้ปกครองสามารถดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดของเด็กได้เช่นเดียวกับฟีเจอร์ใน Facebook อีกด้วย

         แม้ Messenger Kids จะอนุญาตให้บล็อกเพื่อนในรายการผู้ติดต่อบางคนได้ แต่เด็กก็สามารถคุยกับเพื่อนคนนั้นได้ถ้าเขาอยู่ในกลุ่มแชตเดียวกัน ซึ่งเมื่อเด็กเข้าในกลุ่มแชตก็จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบว่ามีใครบางคนที่ถูกบล็อกอยู่ในกลุ่มนั้น โดย Facebook จะบอกให้เด็กสามารถปลดบล็อกเพื่อนในตอนนั้นได้ด้วยตนเอง และการสนทนากับผู้ติดต่อที่ถูกบล็อกจะถูกจัดเก็บไว้ในอินบ็อกซ์เพื่อแสดงอยูในตัวเลือกให้ผู้ปกครองเข้ามาอ่านตรวจสอบได้

         สุดท้าย Facebook ยืนยันว่าจะไม่แชร์ข้อมูลผู้ใช้ Messenger Kids ให้กับบุคคลที่สามและไม่นำข้อมูลไปใช้ในด้านโฆษณา แต่หลายอาจจะไม่มั่นใจว่า Facebook จะทำได้หรือไม่ อันนี้ก็ไม่แน่ Facebook อาจต้องการจะสร้างสิ่งใหม่ที่ดีให้กับทุกคนก็เป็นได้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1494533/

"ธนาธร" ชวนปชช.ทำแผนที่ ชี้เป้าร้านขายหน้ากากอนามัย ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์

         หลังจากปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน หาซื้อยาก จากการระบาดของไวรัสโคโรนา และฝุ่น PM2.5 ล่าสุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความในแฟนเพจเฟซบุ๊ก “Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ชวนประชาชนมาร่วมส่งข้อมูล ชี้พิกัดร้านค้า ที่มีหน้ากากอนามัยขาย เพื่อให้ข้อมูลจากทั่วทุกสารทิศ มารวมกันเป็นฐานข้อมูลเดียว มีการอัพเดทแบบเรียลไทม์ โดยข้อความระบุว่า

         “ขอเชิญทุกคนมาช่วยกันกรอกข้อมูลเพื่อทำ Crowdsource แผนที่ฉบับประชาชน ติดตามสถานการณ์ แนะนำร้านค้าที่ขายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพื่อสู้ฝุ่นพิษ PM2.5 และ #ไวรัสโคโรนา 

         เนื่องจากผม ทีมงานพรรคอนาคตใหม่ เพื่อนๆ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ และคุณ Klaikong Vaidhyakarn ได้มีไอเดียร่วมกันเพื่อริเริ่มทำแผนที่ฉบับประชาชนร่วมกันสร้างขึ้นมา เพื่อแนะนำพิกัดร้านค้า ร้านขายยา ที่มี (หรือไม่มี) อุปกรณ์ป้องกันฝุ่น PM2.5 และไวรัสโคโรนา เช่นหน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ ฯลฯ ให้ผู้ที่ต้องการได้รับทราบและหาซื้อได้ตามความจำเป็น

         ผมจึงอยากขอให้ทุกท่านช่วยสำรวจร้านค้า ร้านขายยา ในบริเวณที่ท่านอยู่ และกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มของเรา (หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พรรคจะนำข้อมูลจำนวนมากทั่วประเทศมาตรวจสอบและประมวลออกเป็นแผนที่)

         เราอยากให้ท่านสำรวจชื่อร้าน เบอร์โทรร้าน ที่อยู่ร้าน และสินค้าพร้อมราคาของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5 และไวรัสโคโรนาในร้าน หากร้านไหนหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือหมด ก็ให้กรอกว่าหมด ร้านไหนมี แต่ขายแบบมีเงื่อนไข ก็ต้องใส่เงื่อนไขให้ชัดเจนด้วย เช่น จำกัดจำนวนคนละไม่เกิน 3 ชิ้น ต่อวัน ชิ้นละ 15 บาท เป็นต้น เพื่อให้เราทราบสถานการณ์ที่ตรงกับความจริงมากที่สุด

         โดยทุกท่านสามารถกรอกกี่ร้านก็ได้ และกรอกอัพเดตข้อมูลวันละกี่ครั้งก็ได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่อัพเดต real time

         ผมต้องบอกก่อนว่านี่คือการทดลองของเรา ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ หรือจะมีของมากเพียงพอตามที่ทุกคนต้องการหรือไม่ แต่อย่างน้อย เราได้ลองทำอะไรในเพื่อช่วยเหลือในฐานะคนที่ไม่มีอำนาจหรือกลไกรัฐในการทำงานได้อย่างเต็มที่

         หวังว่าข้อมูลที่ทุกท่านช่วยกันกรอกเข้ามา จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องใช้ รวมถึงภาครัฐที่ตรวจสอบจำนวนที่มีอยู่ สถานการณ์ทั่วไปในตลาด รวมทั้งการกักตุนสินค้า หรือแม้แต่การค้ากำไรเกินควรบนความเดือดร้อนของผู้อื่น เพื่อให้พวกเรามีการกระจายสิ่งของที่จำเป็นเหล่านี้ไปถึงมือประชาชนทุกคนผู้มีความต้องการอย่างเป็นธรรมมากขึ้น 

         ถ้ามีคนกรอกเข้ามาจำนวนมากพอ คาดว่าเราจะสามารถนำแผนที่ขึ้นเว็บได้ตั้งแต่ช่วงเย็นพรุ่งนี้ (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563) เป็นต้นไป

         กรอกข้อมูลได้ที่ https://forms.gle/a6qGFX9p8YYtMGXZA

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026998/

คมนาคมผุดไอเดีย ติดเครื่องฟอกอากาศบนหลังคารถเมล์ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

         นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแนวคิดในการติดตั้งเครื่องกรองอากาศบนหลังคารถโดยสารสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ว่า ต้นเหตุการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 กว่าร้อยละ 70 มาจากภาคคมนาคม จึงได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปคิดค้นระบบฟอกอากาศเคลื่อนที่ นำร่องทดสอบติดตั้งบนหลังคารถโดยสารสาธารณะขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. อย่างน้อย 3 คันต่อเส้นทาง

         โดยใช้หลักการเครื่องฟอกอากาศในบ้านแต่ใช้การเคลื่อนที่ของรถให้เกิดการฟอกอากาศจากรถบนท้องถนนให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ด้วยการใช้พลังงานลมจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า เมื่อได้ผลจะมีการขยายผลไปในรถสาธารณะอื่นๆ และรถบรรทุกขนาดใหญ่ต่อไป 

         รวมถึงภาคประชาชนที่สนใจเนื่องจากมีต้นทุนประมาณ 500 บาทต่อเครื่อง แต่มีศักยภาพกรองอากาศได้ 20,000 คิวต่อชั่วโมงต่อคัน เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไส้กรองมีอายุใช้งาน 400 ชั่วโมง ถ้าวัดจากคนนปกติ 1 คนจะต้องหายใจรับอากาศที่ 0.5 คิวต่อชั่วโมง จะเท่ากับรถ 1 คันรองรับปริมาณคนที่หายใจได้ 40,000 คน

         ทั้งนี้ คาดว่าจะได้เห็นเครื่องต้นแบบเครื่องฟอกอากาศภายในเดือน ก.พ. นี้ และจะสามารถนำรถที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศบนหลังคารถออกวิ่งทดสอบ

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026794/

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ หน้ากากอนามัย - แอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม 1 ปี

          ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศ กำหนดให้ หน้ากากอนามัย-แอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นสินค้าควบคุม มีผลใช้บังคับ 1 ปี

            เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่า ด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2563 เรื่อง การกำหนดสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 53 พ.ศ. 2562 เรื่อง การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม ลงวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 กำหนดสินค้าควบคุม 46 รายการ และบริการควบคุม 6 รายการ ไปแล้ว นั้น

            โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าสถานการณ์ และภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้จำเป็นจะต้องเพิ่มเติมการกำหนดสินค้าควบคุม เพื่อดูแลป้องกัน การกำหนดราคาซื้อ ราคาจำหน่าย หรือการกำหนดเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติทางการค้าอันไม่เป็นธรรม

            อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 (1) และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วย ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการด้วยความเห็นชอบ ของคณะรัฐมนตรี จึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้

            ข้อ 1 ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่

            ข้อ 2 ให้สินค้าดังต่อไปนี้ เป็นสินค้าควบคุม

            (1) หน้ากากอนามัย

            (2) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย

            (3) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ

            (4) เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก

            ประกาศ ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/199629

ฝุ่นพิษ PM 2.5 ครองเมือง เช้านี้กรุงเทพฯ อากาศแย่อันดับ 7 ของโลก

         กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพและปริมณฑล ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศจำนวน 54 สถานี โดยพบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 44 พื้นที่ โดย 3 ลำดับพื้นที่ฝุ่น PM2.5 สูง ได้แก่ เขตวังทองหลาง 77 มคก./ลบ.ม. , เขตลาดกระบัง วัดค่าได้ 76 มคก./ลบ.ม. , เขตบางเขน 76 มคก./ลบ.ม. คาดว่าเป็นผลมาจากสภาพการจราจร

         จากการรายงานของ บก.จร.และ iTIC ระบุว่า การจราจรหนาแน่นและติดขัด ทำให้ฝุ่นละอองเกิดการสะสม ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยามีสภาพอากาศปิดและลมสงบตั้งแต่เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ฝุ่นละอองไม่กระจายตัว

         อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ ช่วงเวลา 07.00 น. พบว่าผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลก เฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 168 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 88.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นับเป็นพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ส่วนอันดับ 1 เป็นเมืองเดลี ประเทศอินเดีย พบค่าฝุ่นที่ 241 US AQI

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8024218/

บุกบ้านฆ่าโหด "พันตำรวจโท" ปาดคอ กระหน่ำแทงไส้ทะลัก ตัดอวัยวะเพศขาด

        (3 ก.พ.63) เมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.ท.มณี สาระขันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตตุคนถูกแทงจนเสียชีวิตที่จุดสร้างบ้านไม้เรือนเก่า บ้านน้อยพัฒนา ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงเข้าทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาฬสินธุ์ ทีมแพทย์โรงพยาบาลกมลาไสย หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ หน่วยกู้ภัยกุดหว้า จุดกมลาไสย

        โดยในที่เกิดเหตุเป็นบริเวณก่อสร้างบ้านไม้เรือนเก่า โดยภายในบ้านพักได้พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชายโดยสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำเหลือง สภาพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด โดยมีรอยปาดคอ รอยแทงบริเวณรอบลำตัว ที่ก้นและที่ขาประมาณ 20 กว่าแผล จนไส้ทะลัก และยังพบว่าที่บริเวณอวัยวะเพศยังถูกตัดจนขาด

        ต่อมาทราบชื่อคือ พ.ต.ท.จำรัส อายุ 57 ปี  โดยจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุรอบบ้านยังพบรอยเผาหลายจุดโดยเป็นการนำน้ำมันมาราดตามจุดต่างๆ รอบบ้านและนำไม้กวาดจุดไฟเผารอบบ้าน และยังพบร่องรอยการเผาที่บริเวณท้ายรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีขาวจนลุกไหม้ ซึ่งในช่วงนั้นชาวบ้านที่อยู่ข้างบ้านได้พบเห็นและช่วยดับไฟได้ทัน ส่วนที่บริเวณหน้าบ้านยังพบกระป๋องเบียร์อีก 3 กระป๋อง คาดว่าจะเป็นคนร้ายดื่มก่อนจะลงมือก่อเหตุในครั้งนี้

        จากการสอบถามลูกชายของ พ.ต.ท.จำรัส  เบื้องต้นทราบว่า ปกติแล้วพ่อของตนจะทำงานที่ สภ.ร่องคำ และจะกลับไปพักที่บ้านในตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ นานๆ ครั้งจะมานอนที่จุดสร้างบ้านไม้เรือนเก่าแห่งนี้ ส่วนมูลเหตุในครั้งนี้ตนคาดว่าน่าจะเกิดจากหญิงคนหนึ่งที่เคยมาพัวพันกับพ่อของตน ซึ่งหญิงคนดังกล่าวเคยได้คบหากับพ่อตนและบอกว่าได้เลิกกับสามีแล้ว แต่หลังจากนั้นพ่อก็รู้ว่าหญิงคนดังกล่าวยังไม่เลิกกับสามีพ่อของตนก็ได้ตีตนออกห่างและไม่ได้ติดต่อกัน ซึ่งคาดว่าหญิงคนดังกล่าวจะยังพยายามติดต่อพ่อจนสามีทราบ จึงทำให้สามีของหญิงคนดังกล่าวไม่พอใจและได้วางแผนก่อเหตุโหดเหี้ยมดังกล่าว

        เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และจะได้นำร่างผู้ตายส่งพิสูจน์หลักฐานต่อที่จังหวัดขอนแก่น ส่วนการติดตามตัวคนร้ายเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการออกติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8024206/