วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม รถไฟฟ้า BTS-MRT ให้ลูกพาคุณแม่ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี

        รถไฟฟ้า BTS-BRT ให้คุณแม่เดินทางฟรีตลอดทั้งวัน ด้าน MRT ให้ลูกพาแม่ขึ้นสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงฟรี เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2562

        วันที่ 7 สิงหาคม 2562 รถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เผยข่าวดีว่า วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นี้ รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที #ให้คุณแม่เดินทางฟรี ตลอดทั้งวัน ไม่จำกัดเที่ยว เฉพาะคุณแม่พร้อมคุณลูกที่เดินทางขึ้น-ลงที่สถานีเดียวกันนะครับ (คุณลูกชำระค่าโดยสารปกติ) ติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี !!! ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานีครับ ส่วนเด็กเล็กที่มีส่วนสูงไม่ถึง 90 เซนติเมตร เดินทางฟรีทุกเส้นทางครับ

        สำหรับสถานีที่เปิดให้ทุกคนเดินทางฟรี

        - แบริ่ง - เคหะฯ

        - หมอชิต - ห้าแยกลาดพร้าว (เริ่ม 9 สิงหาคม 2562 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป)

        ขณะที่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จัดกิจกรรม "12 สิงหา พาแม่ขึ้น MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงฟรี" เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2562 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว พร้อมร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงานด้วยการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เพียงคุณลูกพาคุณแม่มาแสดงตัวที่ห้องออกบัตรโดยสารรถไฟฟ้า MRT เพื่อรับคูปองเดินทางฟรี ตลอดสายและตลอดระยะเวลาให้บริการ สำหรับคุณลูกชำระค่าโดยสารปกติ สามารถติดต่อขอรับคูปองโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสาร

        - สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) สถานีหัวลำโพง-บางซื่อ 

        - สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย สถานีวัดมังกร-ท่าพระ 

        - สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน



ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/191811

เตือนภัย สาวไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว ถูกชายทำร้ายเลือดอาบ ทั้งที่อยู่ในห้องพัก

       สาวโพสต์ภาพบาดแผลถูกทำร้ายร่างกายเลือดอาบ หลังไปเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นคนเดียว เผยนาทีถูกชายเข้ามาล็อคคอชก-ตีเข่า ทั้งที่อยู่ในห้องพัก

       วันที่ 7 สิงหาคม 2562 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Badhandtatted Toei ได้โพสต์เตือนภัยคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคนเดียว ซึ่งเป็นภาพผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ และมีข้อความระบุในใบว่า ถูกทำร้ายร่างกาย 36 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล เกิดเหตุที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ขณะอยู่ในห้องพักมีชายแปลกหน้าเข้ามาล็อคคอจากด้านหลัง ใช้เข่ากระแทกหน้าอกขวา จากนั้นชกที่หน้า 3 ครั้ง สลบไปประมาณ 30 นาที ตื่นมาอาเจียนออกมาเป็นเลือด มีเลือดออกจมูก ปาก มีรอยช้ำที่ขาหนีบ และเสื้อผ้าหายไป ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ที่เกิดเหตุ ทำ CT Braim ไม่พบ ICH แต่มี Ftacture nasal bone

       นอกจากนี้เจ้าของโพสต์ยังเล่าว่า ใครไปเที่ยวญี่ปุ่น (ลำพัง) ระวังตัวกันด้วยนะคะ โรคจิตเยอะมาก (ประมาณว่าช่วงนี้แรงงานเวียดนามเข้ามาแทนที่คนญี่ปุ่นตกงานกันเยอะ) และปิดข่าวเยอะมาก คนไทยตกเป็นเหยื่อเยอะมาก ๆ และน่ากลัวมาก ไม่ได้ฆ่าเพื่อเอาแค่เงินแต่เป็นฆ่าเล่นแล้วนะตอนนี้ ผู้ร้ายแต่งแต่งตัวดี ดูดีทุกอย่าง ผู้ร้ายติดตามเหยื่อ จนถึงโรงแรม แล้วเข้ามาพยายามฆ่าและปล้นถึงในห้อง ของมีค่าทรัพย์สินโดนปล้นไปทุกอย่างแล้วตั้งใจฆ่า ขอให้ทุกคนระวังกันด้วยค่ะ

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/191831

ชาวทุ่งฝน ผวา! แก๊งลักเด็กอาละวาด ผู้การอุดร สั่งตำรวจลงพื้นที่เร่งตรวจสอบ

             เฟซบุ๊ก “อุ๊ส้มตำ” ได้โพสต์เตือนให้ระวังแก๊งลักเด็ก โดยระบุข้อความว่า “มีแก๊งลักเด็กเข้ามาถึงบ้านนาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี แล้วเด้อจ้า ให้ระวังลูกหลานให้ดี ๆ”

             ทีมข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ บ้านนาชุมแสง หมู่ 8 ต.นาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี พบเด็กชายพี อายุ 11 ปี ซึ่งเป็นเด็กชายที่ประสบเหตุด้วยตนเอง เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า

             เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่เล่นอยู่หน้าบ้าน มีชายแปลกหน้านั่งรถเก๋งมาด้วยกัน 3 คน มาจอดรถที่หน้าบ้าน จากนั้นคนขับได้เปิดกระจกเรียกว่า “อ้วนอ้วนมานี่หน่อย”

             น้องพี จึงเดินไปใกล้รถของชายแปลกหน้า แต่เป็นจังหวะเดียวกับ พ่อของตนเดินออกมาจากบ้านพอดี

             ชายแปลกหน้าทั้ง 3 คน จึงได้ขับรถออกไปทันที

             ผู้สื่อข่าวติดต่อทางโทรศัพท์ไปยัง นายสุ พ่อของน้องพี เพื่อสอบถามแหตุที่เกิดขึ้น โดยนายสุ บอกว่าเรื่องที่มีชายแปลกหน้ามาเรียกลูกชายหน้าบ้านเป็นเรื่องจริง

             โดยเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่ลูกชายเล่นอยู่หน้าบ้าน มีชายแปลกหน้า 3 คน นั่งรถเก๋งเบนซ์รุ่นเก่าเปิดเพลงในรถเสียงดังมาเรียกลูกชาย ขณะที่ลูกชายจะเดินไปยังที่รถ โชคดีที่ตนเปิดประตูเดินออกมาจากบ้านพอดี เพื่อจะดูว่าเขาจะมาสอบถามเส้นทาง หรือถามหาใคร แต่ยังไม่ทันก้าวลงจากบันไดบ้าน คนในรถก็ขับรถหนีทันที

             ตนก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ถ้าเป็นแก๊งลักเด็กจริง ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับผู้ปกครองอย่างมาก เพราะหากเขาตระเวนลักเด็กจริงเสียงเพลงก็จะกลบเสียงเด็กร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเขาเปิดเพลงเสียงดังมาก

             ด้าน พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า เห็นที่มีคนโพสต์เตือนเรื่องแก๊งลักเด็ก ซึ่งได้สั่งการให้ ผกก.ทุกสถานีในพื้นที่ ตรวจสอบว่ามีเหตุแบบนี้เกิดขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะ สภ.ทุ่งฝน ที่ถูกระบุในเพจ ได้ให้ทางชุดสืบสวน และ ผกก.ให้ลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง ว่ามีกลุ่มชายแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่จริงหรือไม่ มีรถประเภทนี้เข้ามาจริงหรือไม่ โดยตามเพจบอกว่าเข้ามาเมื่อเย็นวันเสาร์ ที่ผ่านมา โดยชายแปลกหน้าไปสอบถามเรียกเด็กชายอายุ 11 ปี เข้าไปหา ซึ่งน่าจะได้ความคืบหน้า

             พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ยังบอกอีกว่า ต้องขอขอบคุณเพจดังกล่าว ที่โพสต์ข้อความเตือน ถ้าหากเป็นเรื่องจริงขึ้นมา จะได้ช่วยกันป้องกัน และทุก สภ.ในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมให้ตำรวจสายตรวจ และชุดสืบสวน ออกประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ช่วยกันดูลูกหลานและเด็กในบ้าน ช่วยกันสังเกตรถต้องสงสัย รวมทั้งให้เข้าไปตามโรงเรียนต่าง ๆ ที่นอกจากครูจารย์ ช่วยพูดคุยกับนักเรียนแล้ว ยังจะมีโครงการตำรวจพบนักเรียนหน้าเสาธง 5 นาที ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ด้วย

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : www.msn.com/th-th/news/national/ชาวทุ่งฝน-ผวา-แก๊งลักเด็กอาละวาด-ผู้การอุดร-สั่งตำรวจลงพื้นที่เร่งตรวจสอบ

ของใหม่มา!ตัณหาเกิด! จอยและกรอบของเกม Monster Hunter World: Iceborne

             Sony Interactive Entertainment Japan Asia และ Capcom ร่วมกันเปิดตัวสินค้าใหม่เกี่ยวกับเกมMonster Hunter World: Iceborne เอาใจเหล่านักล่า โดยมีทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันคือ ฝากรอบด้านบนของเครื่อง PS4, คอนโทรลเลอร์ Dualshock 4 และ ลำโพงสำหรับสวมคอ ซึ่งของทั้ง 3 อย่างล้วนมีลายของเกม Monster Hunter World: Iceborne อยู่ด้วย

             PlayStation 4 Top Cover Monster Hunter World: Iceborne Edition เป็นกรอบสำหรับครอบด้านบนของเครื่อง PS4 ให้ดูสวย ใช้กับ PS4 ได้ทุกรุ่น ราคา 4,000 เยน สั่งซื้อได้ที่ Sony Store

             DualShock 4 Monster Hunter World: Iceborne Edition จอยคอนโทรลเลอร์ของ PS4 ลายเกมMonster Hunter World: Iceborne มีสองสีให้เลือก ขาวและดำ ราคา 7,480 เยน สั่งซื้อได้ที่ Sony Store

             ปิดท้ายคือ Wearable Neck Speaker Monster Hunter World: Iceborne Edition ลำโพงสำหรับสวมคอ เพื่อเสียงตอบสนองอันคมชัดมากขึ้น ราคาโหดสุดอยู่ที่ 29,380 เยน ซื้อที่ Sony Store เช่นกัน

             Monster Hunter World: Iceborne กำหนดออกเดินทางสู่โลกใหม่อีกครั้ง 6 กันยายน 2019 สำหรับชาว PS4 และ Xbox one ส่วนชาว PC ออกล่ามกราคม 2019

เราจำเป็นต้อง “อาบน้ำ” ทุกวันหรือไม่?

          ด้วยสภาพอากาศร้อนๆ ในบ้านเรา ทำให้เราต้องอาบน้ำกันทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในขณะที่ในต่างประเทศที่อากาศหนาวเย็น ผู้คนอาจไม่ได้อาบน้ำทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ ที่น่าสนใจคือจากการรวบรวมสถิติในหลายประเทศพบว่า ประชากรในสหรัฐอเมริกากว่า 2 ใน 3 อาบน้ำทุกวัน รวมถึงชาวออสเตรเลียกว่า 80% ที่อาบน้ำทุกวันเช่นกัน แต่ชาวจีนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศเฉลี่ยแล้วอาบน้ำเพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
          เราจำเป็นต้องอาบน้ำทุกวันหรือไม่?

          เรามาดูสาเหตุที่ทำให้เราอยากอาบน้ำกันก่อน

           - กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ

          - อากาศร้อน อยากรู้สึกสะอาดสดชื่น

          - อยากรู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอน

          - เป็นหนึ่งในกิจกรรมตอนเช้าที่ต้องทำ

          - อาบน้ำหลังทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกาย

         แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเราไม่มีเหงื่อ ไม่ได้เป็นคนกลิ่นตัวแรง ไม่ได้ออกกำลังกาย และไม่ได้อยากได้รับความรู้สึกสดชื่นอะไรแต่อย่างใด เช่น เราอาจจะไม่ได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อยู่บ้านเปิดแอร์นอนทั้งวัน หรืออยู่ในภูมิอากาศที่หนาวเย็นตลอดเวลา เราไม่อาบน้ำทุกวันได้หรือไม่?

         จริงๆ แล้วไม่มีผลงานวิจัยอะไรที่จะยืนยันได้ว่า การไม่ได้อาบน้ำทุกวันส่งผลเสียอะไรต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน แต่การอาบน้ำ “บ่อยเกินไป” อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนี้

          - ผิวอาจแห้งเกินไปจนทำให้รู้สึกคัน ระคายเคือง

          - ผิวที่แห้งแตกอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อโรค แบคทีเรียเข้ามาทำร้ายผิว ทำให้ผิวติดเชื้อ เป็นโรคผิวหนัง หรือทำให้เกิดอาการแพ้ได้

          - การใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อาจทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีต่อผิวหนังบางส่วนออกไปด้วย

          - ผิวหนังของเรายีงมีความจำเป็นที่จะต้องมีจุลินทรีย์ดี ที่ช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคบางอย่างได้ การอาบน้ำบ่อยเกินไปจงอาจทำให้ร่างกายลดทอนการสร้างภูมิคุ้มกันโรคบางอย่างไปด้วยเช่นกัน


         อาบน้ำบ่อยแค่ไหน ถึงจะเหมาะสม?

         การอาบน้ำทุกวันถือว่าบ่อยเกินไปหรือไม่? คำตอบไม่เฉพาะตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าผิวหนังของคุณมีความสกปรกมากน้อยแค่ไหน ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น หากอยู่ในประเทศไทย เหงื่อออกตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกนอกบ้าน คุณก็ควรอาบน้ำทุกวัน แต่หากคุณไม่ได้ทำกิจกรรมที่เหงื่อออก และอยู่ประเทศที่มีอากาศหนาว คุณอาจไม่จำเป็นต้องอาบน้ำทุกวัน อาบเฉพาะช่วงที่รู้สึกว่าร่างกายต้องการความสดชื่น มีกลิ่นตัว หรือเหตุผลอื่นๆ

          แต่โดยทั่วไปแล้ว การอาบน้ำทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง ยังไม่ถือว่าเป็นการอาบน้ำที่บ่อยเกินไป แต่หากอาบน้ำมากกว่า 3-4 ครั้งต่อวัน อาจถือได้ว่าเป็นการอาบน้ำที่บ่อยครั้งมากเกินไป แต่ถึงกระนั้นการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัด ก็สามารถทำลายผิวหนังให้แห้งกร้านได้เหมือนกัน แม้ว่าจะอาบน้ำเพียงครั้งเดียวต่อวันก็ตาม

         ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า แม้ว่าจะไม่ได้มีการแนะนำอย่างเป็นทางการว่าควรอาบน้ำบ่อยแค่ไหน แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงการทำลายผิวหนังระหว่างอาบน้ำได้ด้วยวิธีดังนี้

          1. อาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง น้ำไม่ร้อน หรืออุ่นจัดจนเกินไปเป็นเวลานาน

          2. ใช้เวลาในการถูตัว 3-4 นาที โดยเน้นไปที่จุดที่ต้องการกำจัดกลิ่น หรือจุดที่มีความสกปรกที่สุด เช่น รักแร้ ซอกคอ แผ่นหลัง เท้า ข้อพับต่างๆ เป็นต้น

          3. ไม่ใช้ที่ขัดตัวที่มีความหยาบกระด้างมากเกินไป

          4. ไม่ใช่สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีฤืธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียบ่อยจนเกินไป

 

สมเด็จพระพันปีหลวง พระอาการดีขึ้น เสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดา

          แถลงการณ์สำนักพระราชวัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระอาการดีขึ้น คณะแพทย์พระราชทานกราบบังคมทูลเชิญ เสด็จฯ กลับพระตำหนักจิตรลดา

          วันที่ 6 สิงหาคม 2562 สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ฉบับที่ 2 ความว่า


          คณะแพทย์ผู้ถวายรักษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้รายงานว่า พระอาการประชวรจากการติดเชื้อของทางเดินหายพระทัย ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดีขึ้นแล้ว ไม่ทรงมีพระปรอท (ไข้) ทรงพระกรรสะ (ไอ) ลดลงมาก รับสั่งได้ดี เสวยพระกระยาหารได้ดี

          คณะแพทย์จึงได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินกลับ ไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในวันที่ 6 สิงหาคม พุทธศักราช 2562 จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน


ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/191742

iPhone 11 อาจเปิดตัววันที่ 10 วางจำหน่ายวันที่ 20 กันยายนนี้

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

            อีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็จะถึงกำหนดการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ หรือราว ๆ เดือนกันยายนของทุกปี ซึ่งปีนี้คาดว่า Apple จะเปิดตัว iPhone 11 ในวันที่ 10 กันยายน และวางจำหน่ายในวันที่ 20 กันยายนนี้

            โดยปกติ Apple มักจะเปิดตัว iPhone ในวันอังคารหรือไม่ก็วันพุธที่สองของสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นวันที่ 10 หรือไม่ก็วันที่ 11 กันยายนที่จะถึงนี้

            ส่วนกำหนดการวางจำหน่าย ประธานของ SoftBank, Ken Miyauchi เผยว่า Apple อาจวางจำหน่าย iPhone 11 ในวันที่ 20 กันยายน หลังจากเปิดตัวได้ราว 10 วัน ด้านราคา iPhone 11 อาจวางจำหน่ายในราคา (แพง) เหมือนเดิมครับ

            ไม่นานมานี้ญี่ปุ่นเพิ่งจะสรุปกฎหมายธุรกิจโทรคมนาคมฉบับปรับปรุงซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม กฎหมายจะกำหนดราคาใหม่เพื่อไม่ให้อุปกรณ์ราคาสูงอย่าง iPhone มีราคาที่สูงเกินไป

            คาดว่า iPhone 11 จะมาพร้อมชิปประมวลผล Apple A13 , Taptic Engine ใหม่ที่มาแทน 3D Touch , กล้องอัปเกรดเป็นสามตัว พร้อมคุณสมบัติใหม่อย่าง Smart Frame เป็นต้น


ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1481929/

"Samsung Galaxy Watch Active 2" เปิดตัวแล้ว มาพร้อมจอใหญ่ และ โทรออกได้

S! Hitech (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา

          ในที่สุด Samsung ได้เปิดตัว Galaxy Watch Active 2 อย่างเป็นทางการ โดยมีความโดดเด่นที่รองรับ eSIM สามารถใช้โทรเข้า และ โทรออกได้ โดยมีพรีเซนเตอร์ในต่างประเทศคือ Roy Choi เป็นเชฟ ใน LA 

          ความสามารถของ Samsung Galaxy Watch Active 2 ชัดเจน จุดเด่นคือหน้าจอไร้กรอบที่ทำให้นิ้วของคุณเลื่อนเมนูได้ง่ายและเหมาะสมกับการปาดมากขึ้น และยังมาพร้อมกับ ระบบ LTE นั่นหมายความว่า eSIM สามารถใช้ได้และยังสามารถโทรเข้า หรือ รับสายผ่านนาฬิกาได้ทันที และทำงานเร็วขึ้นกว่าเดิม

          รายละเอียดของ Samsung Galaxy Watch Active 2 จะมีขนาด 40 มิลลิเมตร และ 46 มิลลิเมตร มาพร้อมกับขุมพลัง Exynos 9110, RAM 768MB, ความจำ 4GB และมีเซนเซอร์มาวัดชีพจร electrocardiogram, โปรแกรมออกกำลังกายทั้งหมด 39 แบบ มี Coach ในการออกกำลังกาย 9 โหมด และใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen และสามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายกว่ารุ่นก่อน
          นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องป้องกันฝุ่นได้ และกันน้ำได้แบบ 5ATM  คาดว่ารายละเอียดจะเผยอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ 

แจ้งเบี่ยงการจราจรถนนพระราม 2 กม.ที่ 17 – 18 ถึงวันที่ 8 ก.ย.

           กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม โดยแขวงทางหลวงสมุทรสาคร อยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน – เอกชัย ตอน 3 และมีแผนงานดำเนินการก่อสร้าง ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 17 ถึงกิโลเมตรที่ 18 ด้านซ้ายทางและขวาทาง จึงมีความจำเป็นต้องเบี่ยงการจราจร ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 8 กันยายน 2562 รายละเอียดดังนี้

             1 เบี่ยงการจราจรบริเวณช่องทางหลัก 1 ช่องทางจราจร ระหว่างกิโลเมตรที่ 17+400 – 18+600 ด้านขาเข้า และช่องทางขนาน 1 ช่องจราจร ระหว่างกิโลเมตรที่ 20+800 ถึงกิโลเมตรที่ 21+350 ด้านขาเข้าบริเวณตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่

             2 เบี่ยงการจราจรบริเวณช่องทางหลัก 1 ช่องจราจร ระหว่างกิโลเมตรที่ 17+400 ถึงกิโลเมตรที่ 18+600 ด้านขาออก และช่องทางขนานระหว่างกิโลเมตรที่ 19+200 ถึงกิโลเมตรที่ 21+350 ด้านขาออก

           ทั้งนี้กรมทางหลวงระบุขออภัยประชาชนในความไม่สะดวกแก่ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวระหว่างดำเนินโครงการ และขอให้ใช้เส้นทางอย่างระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางในวันเวลาดังกล่าว รวมทั้งขอความร่วมมือปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำทางเลี่ยง และสัญญาณจราจรที่ติดตั้งไว้ เพื่อความสะดวกปลอดภัย

           ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุต่างๆระหว่างดำเนินการได้ที่สายด่วน1586 โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง


ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://news.mthai.com/general-news/749631.html

สนามบินเชียงใหม่ ผวากระเป๋าเป้ปริศนา EOD เปิดมาไม่ใช่ระเบิด แต่เจอทองคำ 13 ล้าน

Sanook! Regional
สนับสนุนเนื้อหา

            (6 ส.ค.62) เรืออากาศโท ธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 เวลา 08.30 น.มีผู้โดยสารสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 8303 เส้นทางเชียงใหม่-ดอนเมือง หลงลืมกระเป๋าแบบสะพายหลัง (กระเป๋าเป้) สีดำ ไว้ที่จุดตรวจค้น 1 ขาออกผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งขณะนั้นผู้ที่ปฏิบัติงาน ณ จุดตรวจค้นดังกล่าว คือนางสาวสุดธิดา สิทธิโชคชัยวุฒิ ลูกจ้างชั่วคราวระยะยาวปฏิบัติงานตรวจค้น ส่วนตรวจค้น ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และนางสาวนนทกร สีแดง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท M.A.I.

            จนเวลาผ่านไปพอสมควรยังไม่มีเจ้าของมาแสดงตัว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทรัพย์สินหลงลืม โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ EOD ตรวจสอบ และวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ซ้ำผลที่ปรากฏคาดว่าภายในกระเป๋าน่าจะเป็นทองคำ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น

            ต่อมาได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และผู้แทนสายการบินนกแอร์ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดกระเป๋าตรวจสอบ พบว่าภายในกระเป๋ามีถุงสีส้ม บรรจุทองรูปพรรณแบ่งเป็นถุงเล็กๆ จำนวน 24 ถุง น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 10,304.49 กรัม มูลค่าประมาณ 13 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นทองคำดังกล่าวเป็นการเดินทางภายในประเทศ จึงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากร

             ต่อมาในเวลา 13.00 น. ได้มี น.ส.ภร (นามสมมติ) อายุ 35 ปี มาติดต่อแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของกระเป๋า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้อง CCTV พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง แต่เนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่าสูง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จึงได้ส่งตัว น.ส.ภร พร้อมทรัพย์สิน ให้เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ สอบสวนที่มาของทรัพย์สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและตรวจสอบหลักฐานแล้วไม่ติดใจ จึงส่งมอบทองคำคืนแก่เจ้าของ ทั้งนี้ น.ส.ภร ขอความร่วมมือปกปิดชื่อที่อยู่ และบริษัท เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อการประกอบอาชีพและเกิดความไม่ปลอดภัย เบื้องต้นทราบว่าเป็นทองคำของบริษัทแห่งหนึ่งที่จะนำไปหลอมใหม่ แต่ด้วยความรีบร้อนจึงลืมกระเป๋าไว้ 1 ใบดังกล่าว



ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7857246/

7 เทคนิคป้องกัน "อาหารไม่ย่อย"

GED Good Life
สนับสนุนเนื้อหา

         ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เพราะอาจส่งผลทำให้เกิดอาการ “อาหารไม่ย่อย” เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นในทั้งขณะที่เรากำลังทานอาหารหรือหลังทานอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย พบมากในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เมื่อเกิดอาการจะรู้สึกไม่สบายท้องตรงบริเวณยอดดอกหรือใต้ลิ้นปี่ มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง จุกเสียด หรือมีอาการแสบร้อนกลางอก โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นและหายได้เอง วันนี้ Ged Good Life ก็มีเคล็ดลับดีๆ ในการป้องกันอาหารไม่ย่อยมาฝากกัน

            1. เลี่ยงได้จะดีมาก! อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารสำเร็จรูป

            2. รับประทานอาหารให้ตรงเวลาในแต่ละมื้อ งดอาหารมื้อใหญ่ช่วงดึก

            3. ห้ามอิ่มปุ๊ปหลับปั๊ป! หลังทานอาหารควรรอย่อยก่อน 3 ชั่วโมงก่อน ค่อยเข้านอน

            4. ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่ารีบกิน อย่ากินปริมาณมากเกินไป เลือกทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม

            5. งดสูบบุหรี่ ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของโซดา  

            6. เครียดให้น้อยลง ลองหากิจกรรมทำให้ผ่อนคลาย เช่น ท่องเที่ยว ดูหนังฟังเพลง ทำสมาธิ ฯลฯ และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด

            7. ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เลี่ยงภาวะอ้วนลงพุง

 

เปิดแถลงการณ์อดีตพนักงานช่อง 3 เรียกร้องความเป็นธรรม ปมเลิกจ้างฟ้าผ่า!


S! News (Exclusive)
สนับสนุนเนื้อหา

            กลุ่มอดีตพนักงานช่อง 3 ออกแถลงการณ์ 4 ข้อเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมหลังถูกเลิกจ้าง เตรียมยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง

            แถลงการณ์ของกลุ่มอดีตพนักงานช่อง 3 ระบุว่า หลังจากที่อดีตพนักงาน ผู้ร่วมผลิตรายการ และพนักงานลูกจ้างของผู้ร่วมผลิตรายการ ได้เดินทางเข้าหารือฝ่ายนิติกร ศาลแรงงานกลาง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกลุ่มพิจารณาแล้วว่า จะเดินหน้าเรียกร้องขอความยุติธรรมจากการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม เนื่องจากเห็นว่า ความจำเป็นในการเลิกจ้างของนายจ้าง ต้องมีผลต่อการประกอบธุรกิจในทันที แต่การเลิกจ้างครั้งนี้ เป็นการกระทำเพื่อแลกมาด้วยเงินชดเชยจากการคืน 2 ช่องดิจิทัล คือ ช่อง 13 และ 28 คิดเป็นจำนวนเงินประมาณกว่า 800 ล้านบาท

            เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า บริษัทได้ตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับข้อเสนอเงินชดเชยที่ได้มา โดยไม่มีการประชุมปรึกษาหารือกับพนักงานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา และรับฟังถึงความเดือดร้อนของพนักงานที่จะต้องตกงานในภาวะวิกฤตของทีวีดิจิทัล แต่กลับมีการหารือและตัดสินใจเป็นการภายในเฉพาะคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ รวมถึงผู้บริหารที่เป็นผู้ถือหุ้นเพียงเท่านั้น ขณะที่ข้ออ้างในการเลิกจ้างพนักงาน เพื่อเป็นการลดต้นทุนของบริษัท แต่ในความเป็นจริงบริษัทยังรับพนักงานใหม่เข้ามาทดแทนอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราเงินเดือนสูง

            จึงเห็นว่าการกระทำของบริษัทดังกล่าว มิได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดแก่ลูกจ้าง คู่ค้า คู่สัญญา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงพนักงานและลูกจ้างของผู้ประกอบธุรกิจร่วมในการผลิตข่าว ที่ร่วมทำงานกันมานับ 10 ปี การกระทำของบริษัท จึงไม่สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทมหาชน ที่จะดำรงไว้ในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีจริยธรรม และคุณธรรม ที่สามารถตรวจสอบได้ และพึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกฉบับ และทุกประการ และจะเดินหน้าทวงความเป็นธรรม ตามรายละเอียดดังนี้

              1. การดำเนินการเลิกจ้างในทันที โดยไม่แจ้งเหตุผล ทั้งที่ยังเหลือเวลาออกอากาศอีก 2 เดือน

              2. เป็นการคืนช่อง 28 และ 13 แต่กลับบอกเลิกจ้างกับพนักงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับช่องดังกล่าว และไม่มีการอธิบายหลักเกณฑ์ และเหตุผลการพิจารณาเลิกจ้างแต่อย่างใด ทั้งนี้ พนักงานทั้ง 2 ช่องมีประมาณ 122 คน แต่กลับเลิกจ้างพนักงานเกือบ 200 คน

              3. ไม่มีมาตรการบรรเทาการเลิกจ้าง ก่อนที่จะมีการเลิกจ้างจริง เพราะการเลิกจ้างพนักงานควรเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะใช้ หลังจากได้ใช้มาตรการบรรเทาการเลิกจ้างแล้ว

              4. การจ่ายเงินบางประเภท ไม่ใช้หลักเกณฑ์ที่ถูกต้องและเท่าเทียมกัน ทั้งๆ ที่เป็นการบอกเลิกจ้างพร้อมกัน

            ทางกลุ่มยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม โดยจะเดินทางเข้าพบ กสทช. เพื่อสอบถามแนวทางหลักเกณฑ์ในการเยียวยา ในวันพุธที่ 7 สิงหาคม 2562 เวลา 11.30 น. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมาธิการด้านคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน และ กลต. เพื่อสอบถามความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัทตามหลักธรรมาภิบาล ก่อนเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลางในสัปดาห์หน้า เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีความเป็นธรรม และสร้างบรรทัดฐานให้กับวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งขอเชิญชวนเพื่อนอดีตพนักงานที่คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากการเลิกจ้างครั้งนี้ เข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อรักษาสิทธิที่ควรได้รับตามกฎหมาย

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7856939/