Google Maps เปลี่ยนโลโก้ใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีโปรแกรมนำทางยอดนิยม
เวลาผ่านไปเร็วมาก Google Maps โปรแกรมนำทางที่หลายคนเลือกใช้มีอายุครบรอบ 15 ปีแล้ว นอกจากมีการเปลี่ยนแปลงโลโก้ใหม่ที่เป็นแต่มุดและหากหลายสีแล้ว Google เองก็ถือโอกาสนี้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปด้วย มาถึง 5 ฟีเจอร์ได้แก่
- Explorer สามารถหาสถานที่หรือจุดที่เป็น Tourist Attraction
- Save สถานที่เราปักหมุดไว้จะค้นหาได้ง่ายในหน้านี้
- Commute แสดงผลข้อมูลการเดินทาง
- Contribute จะเป็นการนำข้อมูลในเรื่องของการเดินทางมาอัปเดตให้คุณและเห็นว่ามีความสำคัญมากขึ้น ก็เลยจับมาใส่ในหน้าหลัก
- Update เป็นการเพิ่มเติมข้อมูลในการเดินทางของคุณ
และยังมีฟีเจอร์ Transit Attribute จะแสดงข้อมูลเรื่องของการเดินทางสาธารณะ และรวมถึงการบอกข้อมูลต่างๆ เยอะมากมายทำให้การเดินทางของคุณสะดวก โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดตัวในเดือนมีนาคม และทยอยให้กับผู้ใช้งานแต่ละคนไม่พร้อมกัน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : Google, https://www.sanook.com/hitech/1494753/
แฮ็กเกอร์โชว์ แม้แต่บัญชี Facebook, Twitter และ Instagram ก็โดนแฮ็กได้ง่ายๆ
สื่อต่างประเทศรายงานว่าบัญชี Twitter ของ Facebook ถูกแฮ็กในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยแฮ็กเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า “OurMine” แต่ Facebook ยืนยันว่าบริษัทสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
บัญชีอย่างเป็นทางการของ Facebook บน Twitter @Facebook ถูกแฮ็กเกอร์ OurMine แฮ็กและทวีตข้อความดังภาพด้านล่างนี้
Facebook พยายามแก้สถานการณ์โดยการลบข้อความที่ OurMine ลบออก แต่ข้อความดังกล่าวไม่ได้ถูกโพสต์เพียงครั้งเดียว เมื่อแฮ็กเกอร์ได้โพสต์ข้อความแบบนี้ถึง 5 ครั้งภายในเวลาไม่กี่วินาที แต่หลังจากเวลาผ่านไป 30 นาที ข้อความข้างต้นก็ไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
Twitter ยืนยันกับสื่อว่าการแฮ็กดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นที่ตัวเซิร์ฟเวอร์ แต่เกิดจากการใช้แอปพลิเคชันจากนักพัฒนาอื่น ๆ หรือแอปกลุ่ม Third Party
ทันทีที่เราทราบเรื่องนี้ เราได้ล็อกบัญชีที่ถูกบุกรุกทันที และได้ประสานงานกับ Facebook เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อกู้คืนบัญชีกลับมา – Twitter
ด้าน Facebook ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้นักพัฒนา @wongmjane ได้แคปหน้าจอเป็นวิดีโอวินาทีที่บัญชีดังกล่าวโดนแฮ็กเกอร์ แฮ็กและลบข้อความซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบมาให้ชมกัน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1494841/
พบแอปบน Android ฝังมัลแวร์ สามารถแฮ็กบัญชี Facebook และบัญชีธนาคารได้ ในไทยก็โดน!
บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ Trend Micro ค้นพบมัลแวร์ที่แฝงมาในแอปพลิเคชันบน Play Store โดยแอปเหล่านี้ถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 470,000 ครั้ง ซึ่ง Google ได้ลบแอปเหล่านี้ออกจาก Play Store เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากใครยังมีรายชื่อแอปเหล่านี้อยู่ก็อย่าลืมถอนการติดตั้งออกจากเครื่องด้วย
มัลแวร์ที่ Trend Micro ค้นพบนั้นจะไม่แสดงตัวตนใด ๆ ให้ผู้ใช้งานทราบว่าเครื่องของคุณติดมัลแวร์แล้ว มันสามารถแฮ้กบัญชี Google และ Facebook ได้ แต่ต่อให้ใช้งานรู้ตัวและถอนการติดตั้งแอปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มัลแวร์ยังสามารถขอสิทธิ์การใช้งานหรือ Permission รวมถึงสามารถปิด Google Play Protect เพื่อสแกนไวรัสก่อนการติดตั้งแอปด้วย
ประเทศที่ยืนยันว่ามีมัลแวร์ชนิดนี้ปรากฏตัวอยู่ประกอบไปด้วย ญี่ปุ่น อิสราเอล ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และประเทศไทย รายชื่อแอปพลิเคชันที่มีมัลแวร์ดังกล่าวมีทั้งหมด 9 รายการ ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีรายงานจาก ArsTechnica ระบุเพิ่มเติมว่ายังมีมัลแวร์ชื่อ Anibus โดยมัลแวร์ดังกล่าวจะสแกนแอปพลิเคชันทั้งหมดในเครื่องเพื่อหาว่ามีแอปพลิเคชันธนาคารติดตั้งในเครื่องตามที่ระบบรู้จักหรือไม่ (ทั้งหมด 263 แอปธนาคารทั่วโลก) และหากพบว่ามีแอป Mobile banking ที่มันรู้จัก มันจะสร้างหน้าต่างสำหรับล็ออินเข้าระบบปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกขโมยข้อมูลของผู้ใช้งานไป
ความสามารถอื่นของมัลแวร์ Anibus คือการแคปหน้าจอ เปลี่ยนการตั้งค่า สามารถเข้าถึงเว็บไซต์อะไรก็ได้ด้วยตัวเอง อัดเสียงได้ โทรศัพท์เอง ขโมยรายชื่อผู้ติดต่อ ส่งข้อความ อ่านข้อความ ดูตำแหน่งของเครื่องผู้ใช้งาน จนไปถึงสามารถล็อกข้อมูลหรือล็อกเครื่องผู้ใช้งานได้ด้วย ที่สำคัญคือมันสามารถคอมเมนท์แอปพลิเคชันที่ฝังมัลแวร์ให้เป็นเชิงบวก และยังให้ 5 ดาวได้ด้วย แต่ยังไม่เนียนเท่าไหร่นัก
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1494837/
https://www.richmantool.com/v3/administrator/index.php?option=com_content&view=article&layout=edit&id=1286
เกาะติดสถานการณ์เหตุทหารคลั่งกราดยิงทั่วเมืองโคราช รายงานความเคลื่อนไหวแบบนาทีต่อนาที
เริ่มรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.35 น. ของวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. 2563
อาทิตย์ที่ 9 ก.พ.
08.45 - เจ้าหน้าที่มีการเรียกรถพยาบาล รถกู้ชีพ จำนวนหลายคัน ขับเข้าไปบริเวณหน้าห้างเทอร์มินัล 21 โคราช คาดว่าเพื่อเตรียมสแตนด์บายรอรับผู้บาดเจ็บที่ยังติดอยู่ภายใน
08.14 - มีการจัดโต๊ะเก้าอี้เตรียมการแถลงข่าวในเวลา 9.00 น. โดยผู้ว่าฯ โคราช และแม่ทัพภาคที่ 2 ขณะที่มีการประสานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุในเวลาประมาณ 10.00 น.
07.37 - ผู้สื่อข่าวไทยรัฐทีวี รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้กับรายการข่าวของสถานีว่า พบผู้เสียชีวิตอีก 4 รายแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปนำร่างออกมาได้ ขณะที่มีการนำโดรนมาบินหาที่หล่บซ่อนตัวของผู้ก่อเหตุ แต่ปรากฏว่าเจอยิงตกไปแล้ว 2 ลำ ทำให้ตอนนี้มียอดรวมผู้เสียชีวิตแล้ว 25 ราย บาดเจ็บ 34 คน
06.00 - เสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
05.42 - ได้ยินเสียงปืนอีกครั้ง
05.12 - มีรายงานว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น
03.15 - เกิดการยิงปะทะกัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 นาย จากนั้นคนร้ายพยายามหนีออกทางประตูด้านหลัง แต่ไม่สามารถออกไปได้
02.48 - เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ภายในห้างเทอร์มินอล 21 มีเสียงปืนดังออกมาจากภายในห้างเป็นชุดๆ ด้านนอกมีการเตรียมรถพยาบาลพร้อมรับสถานการณ์ มีเสียงตะโกนจากด้านใน "ขอเปล!"
02.00 - พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เผยว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว - คนร้ายยังอยู่ในห้างชั้น LG (ชั้นใต้ดิน)
00.26 - ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า กรมสุขภาพจิตเตรียมส่งทีมเข้าดูแลจิตใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา โดยเตรียมส่งทีม MCATT (ทีมวิกฤติสุขภาพจิต) เพื่อเข้าดูแลจิตใจประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยกรมสุขภาพจิตจะแนะนำแนวทางในการดูแลผลกระทบทางจิตใจของตัวเองและคนใกล้ชิด
เสาร์ที่ 8 ก.พ.
23.42 - กองปราบปราม โพสต์รายงานสถานการณ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม พร้อมด้วยทีม "หนุมานกองปราบ" และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าเคลียร์พื้นที่ห้าง Terminal 21 โคราช แล้ว
23.39 - ข้อมูลจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ระบุว่าพบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย บาดเจ็บ 31 ราย สาหัส 10 ราย
23.33 - กองปราบปราม รายงานผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมพื้นที่ชั้น G ขึ้นไป ของห้าง Terminal 21 โคราชได้แล้ว ผู้ที่ยังติดอยู่ในห้างหากพบเห็นเจ้าหน้าที่สามารถแสดงตัว โดยการชูมือแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากที่หลบซ่อนทางร้านสตาร์บัคส์ ชั้น G เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย หากใครยังมีความหวาดกลัว ให้ inbox มาโดยตรงที่เพจ ”กองปราบปราม” พร้อมทิ้งเบอร์โทรไว้ เจ้าหน้าที่จะประสานติดต่อกลับไปเพื่อช่วยเหลือท่านอย่างเร็วที่สุด
23.10 - พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงทั่วเมืองโคราช 17 ราย บาดเจ็บ 21 ราย นำตัวผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลแล้ว
23.01 - มีรายงานว่า รองนายกฯ และรัฐมนตรีสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล เดินทางถึงยังโรงพยาบาลมหาราชในโคราชแล้ว ขณะที่มีรายงานเช่นกันว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ก็เดินทางไปถึงยังบริเวณห้างเทอร์มินอล 21 โคราชแล้ว
22.30 - เพจเฟซบุ๊ก Korat Next Step รายงานว่า เจ้าหน้าที่เริ่มอพยพประชาชนที่ติดค้างในห้าง Terminal 21 ออกมาได้บางส่วน คาดคะเนจำนวนเบื้องต้นว่ามีประมาณ 1 พันคน
22.30 - ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส 2 คนที่รายงานมาจากคนละมุมของบริเวณหน้าห้าง Terminal 21 โคราช ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้ถอยหลบออกจากบริเวณดังกล่าวทันที
22.28 - ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานผ่านการโฟนอินว่าได้ยิงเสียงปืนประมาณ 2-3 นัด
22.26 - ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานผ่านโทรศัพท์ว่าช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เข้ามากันประชาชนออกจากบริเวณสี่แยกหน้าห้างเทอร์มินอล 21 โคราช พร้อมกับความชุลมุนวุ่นวายเล็กน้อย
22.20 - เพจเฟซบุ๊ก Korat : เมืองที่คุณสร้างได้ โพสต์ว่า คนร้ายใช้ปืนยิงเปิดทางวิ่งหนีออกไปทางด้านหน้าห้าง Terminal 21 แล้ว ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้
22.18 - ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทวีตย้ำว่า สำนักงาน กสทช. ขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ไม่ควรรายงานสด หรือแสดงข้อมูล กระบวนการ และรายละเอียดเกี่ยวกับการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฎิบัติงานในสถานการณ์นี้ ไม่ควรนำเสนอข้อมูลในสถานที่ที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ และไม่นำเสนอภาพที่รุนแรง เข่นภาพผู้เสียชีวิต ภาพการยิงอาวุธ เป็นต้น
22.17 - "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางถึงบริเวณห้างเทอร์มินอล 21 โคราชแล้ว
22.10 - ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส โฟนอินสถานการณ์จากบริเวณด้านนอกของห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ว่า เจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงประชาชนที่ติดค้างอยู่ภายในห้างออกมาด้านนอกอย่างต่อเนื่อง แต่ได้รับการยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีการจับตัวประกันเอาไว้ทั้งสิ้น 22 คน
21.40 - พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับนายกิตติ สิงหาปัด ในรายการข่าวด่วนของช่อง 3 ถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าวว่า ณ ขณะนี้มีประมาณ 20 ราย แต่ยังไม่ได้มีการสรุปตัวเลขการสูญเสียที่แน่ชัด
21.39 - หน่วยหนุมาน จากกองบังคับการปราบปราม เดินทางถึงเทอร์มินอล 21 โคราชแล้ว
21.07 - มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บินด่วนไปบัญชาการเหตุการณ์ที่โคราช ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็บินด้วยเครื่องบินส่วนตัวไปคอยอำนวยการสั่งการด้านดูแลผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8028807/
เปิดวิธีเอาตัวรอด เมื่อเจอเหตุกราดยิง เตือนระวังตัว หลังมีเหตุ #กราดยิงโคราช
ThaiArmedForce.com เผยคำแนะนำ วิธีเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ ต้องทำอย่างไร หลังเกิดเหตุ #กราดยิงโคราช เรื่องนี้ใกล้ตัวกว่าที่คิด
จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธสงคราม กราดยิงประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นตระหนก และตระหนักได้ว่า เหตุการณ์ร้ายแรงประเภทนี้ อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
ล่าสุด (8 กุมภาพันธ์ 2563) ทวิตเตอร์ @ThaiArmedForce โดย ThaiArmedForce.com จึงได้ออกมาให้ข้อมูล คำแนะนำวิธีเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง ที่ทางกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำมาให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุลักษณะดังกล่าว ดังนี้
ระหว่างเกิดเหตุ :
1. วิ่งหนีถ้าเป็นไปได้
- การหนีจากผู้ก่อเหตุกราดยิง คือ ความเร่งด่วนสูงสุด
- ทิ้งสัมภาระส่วนตัวและหนีอย่างเดียว
- ช่วยผู้อื่นหนีด้วยถ้าเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามควรหนีไม่ว่าผู้อื่นจะยอมหนีตามไปด้วยหรือไม่
- แจ้งเตือนและป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดเหตุกราดยิง
- โทร. แจ้งเหตุเมื่อคุณปลอดภัย และอธิบายรูปลักษณะ สถานที่ และอาวุธที่มีผู้ใช้กราดยิง
2. ซ่อน ถ้าหนีไม่ได้
- หลบจากสายตาของผู้กราดยิง และอยู่ให้เงียบที่สุด
- ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด รวมถึงปิดการสั่น
- ล็อกและกั้นประตู ปิดม่านบังสายตา และปิดไฟ
- อย่าซ่อนกันเป็นกลุ่ม ๆ ให้กระจายกันไปตามกำแพงหรือซ่อนเดี่ยว ๆ เพื่อให้ผู้กราดยิงก่อเหตุยากขึ้น
- พยายามสื่อสารกับตำรวจอย่างเงียบ ๆ ใช้ SMS หรือโพสต์โซเชียลและ Tag โลเคชั่นหรือทำสัญลักษณ์บนหน้าต่าง
- ซ่อนเงียบ ๆ จนกว่าตำรวจจะให้สัญญาณว่าปลอดภัย
- สถานที่ซ่อนของคุณควรจะอยู่นอกสายตาผู้กราดยิง และมีอะไรป้องกันถ้าผู้กราดยิงยิงมาทางคุณ
3. สู้ ถ้าเป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ
- พยายามทำให้จริงจังและรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ชักชวนคนอื่นให้มาช่วยกันซุ่มโจมตีด้วยอาวุธทุกอย่างที่มี เช่น เก้าอี้ ถังดับเพลิง กรรไกร หนังสือ ฯลฯ
- พยายามสร้างอาการบาดเจ็บต่อตัวผู้กราดยิงให้มากที่สุด
- ขว้างสิ่งของและอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อทำให้ผู้กราดยิงสับสน และพยายามแย่งอาวุธจากผู้กราดยิง
หลังเหตุการณ์ :
- ชูมือเปล่าให้ตำรวจเห็นชัด ๆ
- ต้องเข้าใจว่าหน้าที่แรกของตำรวจคือการระงับเหตุ และตำรวจอาจเดินผ่านผู้บาดเจ็บไปโดยไม่ได้ช่วยเหลือ
- ตำรวจอาจมาพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง หรือปืนพก และอาจใช้สเปรย์พริกไทยหรือแก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมสถานการณ์
- ตำรวจอาจตะโกนสั่งและอาจผลักคนที่ยืนอยู่ให้นอนลงกับพื้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
- ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจอย่างเคร่งครัดและอพยพไปทางทิศทางที่ตำรวจเดินผ่านมา ยกเว้นตำรวจจะสั่งให้ทำอย่างอื่น
- ให้ใส่ใจกับตัวเองก่อน และหลังจากนั้นคุณอาจจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึง
- ถ้าผู้บาดเจ็บอยู่ในภาวะอันตรายให้ช่วยผู้บาดเจ็บออกมายังที่ปลอดภัย
- ระหว่างที่คุณรอหน่วยกู้ภัยมาถึงให้ช่วยปฐมพยาบาล พยายามกดแผลแรง ๆ และใช้สายรัดห้ามเลือดถ้าคุณได้รับการฝึกมา
- พยายามให้ผู้บาดเจ็บนอนหงายถ้าเขาหมดสติ พยายามให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย
- พิจารณาหาผู้เชี่ยวชาญในการช่วยให้ตัวคุณและครอบครัวผ่านช่วงเวลาร้ายแรงนี้ไปได้ โดยอาจปรึกษาจิตแพทย์หลังจากนี้
คำแนะนำเพิ่มเติม ก่อนเกิดเหตุ :
- เข้ารับการฝึกการเอาตัวรอดจากผู้กราดยิง (อันนี้ประเทศไทยยังไม่มี สงสัยต่อไปนี้ต้องมี)
- ถ้าคุณเห็นอะไรหรือสงสัยอะไร ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
- ลงทะเบียนเพื่อรับการแจ้งเตือนฉุกเฉินในท้องที่ และลงทะเบียนข้อมูลติดต่อของคุณกับระบบแจ้งเตือน (อันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มี สงสัยต่อไปนี้ต้องมี)
- พยายามระแวดระวังรอบ ๆ ตัวและระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
การวางแผน :
- วางแผนกับครอบครัวและทำให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวทุกคนจะรู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไงถ้าพบกับผู้กราดยิง
- พยายามมองหาทางออกที่ใกล้ที่สุดสองทางออกในทุก ๆ ที่ที่คุณไป วางแผนหนีไว้ในใจและมองหาสถานที่ที่คุณอาจจะซ่อนตัวได้ในทุกที่ที่คุณไป
- ทำความเข้าใจแผนสำหรับคนพิการหรือผู้ที่ต้องการการช่วยเหลือพิเศษ
ข้อสรุป จาก ThaiArmedForce.com :
หนี อย่าโชว์หล่อ ใส่ตีนหมาหนี เอาตัวเองให้รอด ชวนคนอื่นหนี ถ้ามันไม่หนีเราหนีเลย ถ้าหนีไม่ได้ซ่อนให้เงียบที่สุด กระจายกันซ่อน ปิดเสียงโทรศัพท์ โพสต์โซเชียลว่าตัวเองอยู่ไหน เจอตำรวจยกมือสวย ๆ ตำรวจสั่งอะไรก็ทำ ถ้ามีผู้บาดเจ็บค่อยช่วย
การ #กราดยิง ของ #ActiveShooter ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของพวกเราอีกต่อไป มันเกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย
ข้อมูลจาก ทวิตเตอร์ @ThaiArmedForce
#กราดยิงโคราช ยิงโต้ "จ.ส.อ.จักรพันธ์" กลางห้างดัง ปฏิบัติการกว่า 13 ชั่วโมง ยังจับตัวไม่ได้
ปะทะเดือด! ยิงโต้ "จ.ส.อ.จักรพันธ์" กลางห้างดังโคราช - จนท. เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 เจ็บ 3 ปฏิบัติการ กว่า 13 ชม. ยังจับตัวไม่ได้
ความคืบหน้าในการจับกุมตัว จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 ที่ก่อเหตุยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ ซึ่งเป็น ผู้บังคับบัญชา ของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ และ ยิง นางอนงค์ แม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เสียชีวิต
ก่อนกลับเข้าไปในที่ทำงาน อาวุธปืนและกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยได้ยิงทหารเวรอีก 3 นาย ก่อนจะขับรถฮัมวี่หลบหนีออกไป ทางวัดป่าศรัทธาธรรมด้านข้าง โรงเรียนบุญวัฒนา ยิงประชาชน และ บุกเข้ามาในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ยิงประชาชนที่มาใช้บริการภายในห้าง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (8 ก.พ.)
โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข พร้อมด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ามายังห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีกำลังตำรวจกองปราบปราม ชุดหนุมาน และหน่วยอรินทราช รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมปฏิบัติงาน
เมื่อเวลา 03.15 น. 9 ก.พ.63 มีรายงานว่า หลังเสียงปะทะดังขึ้นทั้งเสียงระเบิด และเสียงปืนหลายชุด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 นาย หนึ่งในนั้นโดนยิงที่ศีรษะด้วย และนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว จากนั้นคนร้ายพยายามหนีออกทางประตูด้านหลัง แต่ไม่สามารถออกไปได้
จากนั้น เวลา 03.19 น. เกิดเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งภายในห้าง ระหว่างทยอยเคลื่อนย้ายคนเจ็บ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาคอยดูแลการปฏิบัติหน้าที่ เสียงเจ้าหน้าที่สั่งให้ ทุกคนหมอบอีกครั้งโดยให้อยู่ถอยห่างจากแนวเชือกกั้นให้ไกลที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทยอยนำประชาชนซึ่งเป็นเด็กและผู้ใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 5 คน ที่ยังตกค้างอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ออกมา และนำส่งโรงพยาบาล
และจนถึงขณะนี้รวมเวลากว่า 13 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8028870/
ด่วน ! ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาอีก 7 ราย พบผู้ป่วย 1 ราย เพิ่งรับตัวกลับจากอู่ฮั่น
สาธารณสุข ชี้ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ เพิ่มอีก 7 ราย โดยหนึ่งในกลุ่มนี้ เป็นคนไทยที่เพิ่งรับตัวกลับจากอู่ฮั่น ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในสัตหีบแล้ว
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เฟซบุ๊ก Ch3ThailandNews รายงานว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ออกแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ในประเทศไทย โดยพบว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 7 ราย ประกอบด้วย คนจีน 4 ราย และคนไทย 3 ราย
โดยในกลุ่มคนไทยที่ติดเชื้อ มี 1 ราย อยู่ในกลุ่มผู้ที่เพิ่งรับตัวกลับจากนครอู่ฮั่น ประเทศจีน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสัตหีบ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ล่าสุด ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 32 คน กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
เฟซบุ๊ก Ch3ThailandNews
ลำดับเหตุการณ์ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา #กราดยิงโคราช ฆ่าไปไลฟ์ไป ใครขวางยิงหมด
เปิดลำดับเหตุการณ์ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ก่อเหตุกราดยิงที่โคราช เริ่มจากกราดยิงที่ค่ายทหาร ก่อนขับรถฮัมวี่มุ่งหน้าสู่เมือง แล้วไปกราดยิงในห้าง สุดเหี้ยม พบยิงไปไลฟ์ไป บอกเจ็บนิ้วไปหมดแล้ว
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 มีรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้า เทอร์มินอล 21 โคราช โดยทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ล่าสุดอยู่ที่ 14 คน (จำนวนยังไม่นิ่ง)
ทั้งนี้ ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ มีดังนี้
- ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ได้ก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชา คือ พ.อ. อนันตโรจน์ กระแสร์ นายทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และหญิงวัย 63 ปี
- ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ขับรถไปยังคลังอาวุธภายในค่ายทหาร และยิงทหารที่เฝ้าคลังอาวุธ เสียชีวิต 1 ราย รวมในค่ายทหารมีผู้เสียชีวิต 3 ราย
- ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ใช้อาวุธสงคราม ยิงประชาชน ที่บ้านถนนหัก ต.ไชยมงคล อ.เมืองนครราชสีมา อีกทั้งยังยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ บาดเจ็บ 2 นาย ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
- ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้เข้าไปยังห้าง เทอร์มินอล 21 โคราช พร้อมกับอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนสั้น และวัตถุระเบิด ซึ่ง ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา ได้ไลฟ์เฟซบุ๊ก บอกว่า "เจ็บนิ้วไปหมดแล้ว"
- ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังปิดล้อมพื้นที่ภายในห้าง คนที่มาเดินห้างและพนักงาน ต่างไปหลบกันด้วยความหวาดกลัว
- เจ้าหน้าที่ แนะนำให้คนที่ไม่มีธุระ ออกจากห้างเทอร์มินอล 21 ให้เร็วที่สุด และสั่งปิดพื้นที่รอบห้าง 2 กม.
- คาดว่าตอนนี้ ส.ท. จักรพันธ์ ถมมา อยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 และจับตัวประกันไว้ทั้งสิ้น 16 คน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/199803
จับตา ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 21 ก.พ. 63
ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 21 ก.พ. 63 โซเชียลตั้งข้อสังเกต นัดตัดสินก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจแค่ 3 วัน
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดีที่สำคัญและเป็นที่สนใจ รวม 2 เรื่องดังนี้
กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พศ 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนด ประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ. 63 เวลา 13.30 น.
2. กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้อขอให้ศาลฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง ยุบพรรคอนาคตใหม่
ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องและคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีพอวินิฉัยได้ ไม่จำต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้พยานบุคคล รวม 17 ปาก ตามที่ผู้ถูกร้องยื่นบัญชีระบุพยาน จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเป็นหนังสือยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
และให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสาร ต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 27 วรรคสาม และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.00 น. เป็นตันไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราขบุรีดิเรกฤทธิ์
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ไทยพีบีเอส รายงานว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาระบุว่า ในวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นช่วงวันที่เหมาะสมที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @tom4vendetta ระบุข้อความว่า "ศาล รธน มีความเห็นไม่เปิดไต่สวนคดียุบ #อนาคตใหม่ และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ก.พ. นี้ ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจพอดิบพอดี
พวกเขาต้องการจะยุบพรรคอนาคตใหม่ให้ได้ เพื่อทำลายการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และตอกตรึงสังคมไทยไว้ให้อยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนตราบนานเท่านาน"
ขณะที่ความคิดเห็นอื่น ๆ เช่นความคิดเห็นของ บอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง ที่แสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ @tanawatofficial ระบุว่า "BREAKING : ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรค #อนาคตใหม่ หรือไม่ ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท ในวันที่ 21 ก.พ. นี้ ก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 3 วันเท่านั้น"
ขอขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/199671
ราชกิจจานุเบกษา ยกเลิกสิทธิ์คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดิน เบิกค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศ
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศยกเลิกสิทธิ์คู่สมรสผู้ตรวจการแผ่นดิน เบิกค่าใช้จ่ายไปต่างประเทศ บังคับใช้ทันที
จากกรณี ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ ระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน 2563 โดยมีใจความสำคัญระบุถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดินในการเดินทางไปปฏิบัติงานไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในประเทศหรือต่างประเทศ นอกจากนี้ในข้อ 8 ได้ระบุว่า ผู้ตรวจการแผนดินสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับคู่สมรสได้ในกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่ได้มีการรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : ผู้ตรวจการแผ่นดิน-คู่สมรส บินดูงาน ตปท. เบิกได้วันละ 4,500-ค่าแต่งตัว 9,000
ล่าสุดวันที่ 6 กุมาพันธ์ 2563 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2563 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมีใจความระบุว่า ให้มีการยกเลิก ข้อ 8 แห่งระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ตรวจการแผ่นดินปี ที่อนุญาตให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคู่สมรสได้ เฉพาะกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยให้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อมูลจาก
ราชกิจจานุเบกษา
ไลออนคิง? ลิงบาบูนหอบลูกสิงโตขึ้นต้นไม้ จนท.เผย 20 ปีไม่เคยเห็นแบบนี้
ภาพน่ารักที่เห็นอยู่นี้ เป็นภาพของลิงบาบูนเพศผู้ ที่หอบเอาลูกสิงโตตัวน้อยขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วดูแลเหมือนเป็นลูกของมันเอง เหตุเกิดในอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศแอฟริกาใต้
เคิร์ท ชัลทซ์ เจ้าหน้าที่ของอุทยานเผยกับ AP ว่า ตนทำงานมากว่า 20 ปี ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เจ้าลิงบาบูนประคบประหงมลูกสิงโต เหมือนเป็นลูกของมันเอง นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาเห็นฝูงลิงบาบูนในอุทยานมีอาการตื่นเต้นอย่างมาก คาดว่าตอนนั้นน่าจะเป็นตอนที่พวกลิงไปพบกับลูกสิงโตตัวนี้เข้านั่นเอง
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026834/
สธ.แถลง พบ 1 ใน 4 ผู้ป่วยที่กลับจากอู่ฮั่น มีความผิดปกติที่ปอด เร่งตรวจมีเชื้อหรือไม่
พลเรือตรี เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ, นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6, พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้า ของ คนไทย 138 คน ที่อยู่ระหว่างกักตัวเพื่อติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ภายหลังเดินทางกลับจากเมืองอู่ฮัน ประเทศจีน ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การนำคนไทยกลับบ้าน กรณีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ระหว่างวันที่ 4-28 ก.พ.2563 โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ
ด้าน พลเรือตรี เกิดศักดิ์ ระบุว่า ในส่วนของคนไข้ 4 คน ที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ปัจจุบัน ผลการตรวจของทั้ง 4 คน ไม่พบว่าเป็นไข้ ขณะที่ผลการตรวจไวรัส เบื้องต้นไม่พบสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่ก็ยังมี บางรายที่พบอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน และ มีอาการไอ โดยจำนวน 1 ใน 4 ราย มีความผิดปกติเล็กน้อยที่ปอดขวาปีกล่าง ซึ่งส่วนนี้จะมีการตรวจเพิ่มเติม รวมถึงจะมีการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ผู้ป่วยทุกคนซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะคนไข้ที่พบความผิดปกติที่ปอด เพื่อยืนยันว่ามีเชื้อหรือไม่
ขณะที่ นายแพทย์สุเทพ เปิดเผยว่า วานนี้ ทีมแพทย์ ร่วมกับทีมสุขภาพจิตได้ดำเนินการลงพื้นที่ ตรวจประเมินคนไข้ พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบผู้ป่วย ในจำนวน 134 คน ที่เป็นไข้เข้าข่ายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่พบผู้ป่วย 3 คน ที่มีอาการเครียด วิตกกังวล ซึ่งล่าสุด ทางทีมสุขภาพจิต ร่วมกับจิตแพทย์ ได้เข้าไปดูแล ให้คำปรึกษา และใช้ยารักษาร่วมด้วยแล้ว สำหรับการเปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ป่วยนั้น ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กำลังอยู่ระหว่างการหารือ เบื้องต้นคาดว่าช่วงบ่ายจะมีความชัดเจน ภายหลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าด้วยตนเอง ในเวลาประมาณ 15.00 น.
อย่างไรก็ตาม พล.ร.ท.ประชาชาติ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีญาติของคนไข้ ร้องขอที่จะเดินทางมาเยี่ยม ส่วนคนไข้ ต้องการโทรศัพท์มือถือคืนเพื่อติดต่อสื่อสาร นั้น ยืนยันว่าล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ และ พาสปอร์ตของทุกคนไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะแจกจ่ายได้หากมีคำสั่งลงมา
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8026938/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)