ขอเลขเด็ด แม่สร้อยทิพย์-แม่สร้อยศรีสุวรรณ ร่ำลือชาวบ้านถูกหวยติดต่อกัน 3 งวด
Skip to Main ContentControl Panel
Content
Components
Help
User MenuRICHMANTOOL VA...
RICHMANTOOL VARIETY
Articles: Edit
Main content begins here
Save Save & Close Save & New Save as Copy Versions Close Help
Title *
ขอเลขเด็ด แม่สร้อยทิพย์-แม่สร้อยศรีสุวรรณ ร่ำลือชาวบ้านถูกหวยติดต่อกัน 3 งวด
Alias
แม่สร้อยทิพย์-แม่สร้อยศรีสุวรรณ
Content
Images and Links
Options
Publishing
Edit Insert View Format Table Tools
Formats
Heading 2 Times New Roman 18pt
Module
Menu
Contact
Article
Image
Page Break
Read More
h2Words: 628
Toggle editor
Status
Category *
Featured
Access
Language
Tags
Type or select some tags
Note
Version Note
Joomla! 3.9.11 — © 2019 RICHMANTOOL VARIETY
View Site0Visitors1Administrator0MessagesLog out
เด็กหญิง 11 ขวบ ดิ่งตึก 39 ชั้น ทนเห็นพ่อแม่ตีกันทุกวัน จนใจหนูสลาย
เด็กหญิงเวียดนาม วัย 11 ขวบ กระโดดตึก 39 ชั้น ฆ่าตัวตาย เหตุทนเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันไม่ไหว เผยก่อนตายพ่อแม่ตีกันรุนแรง จนเด็กร้องไห้ทั้งคืน วางกรอบรูปพ่อแม่ลูกข้างหน้าต่าง ก่อนดิ่งตึก
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เด็กหญิงชาวเวียดนาม วัย 11 ปี ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก 39 ชั้น หลังจากต้องทนเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างซ้ำ ๆ ติดต่อกันทุกวัน จนไม่สามารถอดทนต่อไปได้ไหว โดยในคืนก่อนที่เธอจะจบชีวิตตัวเอง พ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงมาก จนมันถึงจุดที่เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
พ่อแม่ของเด็กหญิงมีหน้าที่การงานดี และมีรายได้สูงด้วยกันทั้งคู่ ทั้งครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกันที่ห้องพักบนชั้น 39 ของอพาร์ตเมนต์หรูแห่งหนึ่งในย่านตะวันตกของกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม
รายงานระบุว่า ในช่วงไม่นานมานี้ สามีภรรยาได้มีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ จึงมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งเป็นการทะเลาะกันต่อหน้าลูกสาว เธอจึงได้รู้เห็นทุกวันว่า พ่อแม่โวยวายอะไรใส่กันบ้าง จนเริ่มกลายเป็นความเครียดสะสมมากขึ้นทุกวัน
กระทั่งในคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันอีกครั้ง ครั้งนี้รุนแรงมาก มีการตะโกนด่าทอกันเสียงดัง และมีการทุบประตูเสียงดังโครมคราม เด็กหญิงนอนอยู่ในห้องตัวเอง เธอได้ยินทุกอย่าง และนอนกอดตัวเองร้องไห้ทั้งคืน
พอถึงช่วงเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน แม่เด็กหญิงได้เสียงดังตุ้บแรงมาก แต่เธอไม่ได้สนใจ เนื่องจากยังคงโกรธสามีจากการทะเลาะกันเมื่อคืน และปวดหัว เธอแค่หันไปมองดูนาฬิกาและกลับไปนอนต่อ
หลังจากหลับไปได้ครู่หนึ่ง แม่ก็ตื่นมาเรียกให้ลูกสาวมากินข้าวเช้า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงเดินเข้าไปดูในห้องลูก พบว่าห้องว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ และหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้ มีรูปพ่อแม่ลูกวางเอาไว้บนกรอบหน้าต่าง
ตอนนั้นแม่เด็กได้ยินเสียงชาวบ้านเอะอะโวยวายดังขึ้นมาจากข้างล่าง เธอจึงไปเกาะหน้าต่างชะโงกลงมาดู และพบเห็นร่างเด็กหญิงคนหนึ่ง สภาพศพสวมชุดนักเรียน นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น
แม่เด็กหญิงรีบวิ่งลงบันไดลงมาจากชั้น 39 เพราะไม่สามารถทนรอลิฟต์ได้ เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง ก็รีบวิ่งไปดูศพทันที และ พบว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง เธอร้องไห้แทบสิ้นสติอยู่ตรงนั้น
ทางด้านพ่อเด็กได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 30 นาที หลังจากได้ยินข่าว ซึ่งเขาก็เข้าไปกอดภรรยา ร่ำไห้หัวใจสลายกันอยู่ข้างศพลูกสาว
ทั้งนี้ ศพของเด็กหญิงถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ เพื่อทำการชันสูตร ก่อนดำเนินการตามกฎหมาย และส่งมอบกลับให้ครอบครัวต่อไป
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/196849
เมียโกรธหน้าสั่น แค้นผัวมีเมียน้อย คว้าอัณฑะบีบ ขยำขยี้ บี้สุดแรง จนผัวตาย
หญิงไนจีเรียหึงผัวมีเมียน้อย ทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือ ผัวตบมา จึงซัดกลับ บีบอัณฑะผัวจนขาดใจตาย หลังถูกตำรวจจับ อ้างผีสิง ทำไปไม่รู้ตัว
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 เว็บไซต์เดอะซัน รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไนจีเรียจับตัวหญิงรายหนึ่ง ทราบชื่อคือ หลังจากฆ่าสามีตาย ด้วยการบีบอัณฑะของเขาด้วยสองมือของเธออย่างรุนแรงมาก โดยหลังจากถูกจับกุม เอกฮาเตอร์อ้างว่าตอนนั้นทำไปเพราะไม่มีสติ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านของครอบครัวในรัฐเอโด ทางตอนใต้ของไนจีเรีย โดยในวันเกิดเหตุ เอกฮาเตอร์กล่าวหาสามีว่าแอบนอกใจเธอไปมีเมียน้อย แต่สามีไม่ยอมรับ ซึ่งนำไปสู่การมีปากเสียงทะเลาะกัน การทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ฝ่ายสามีเงื้อมือตบหน้าภรรยาไปฉาดใหญ่ และมันคือจุดแตกหักในวันนั้น
เอกฮาเตอร์โกรธมาก เธอจับสามีถอดกางเกง แล้วใช้สองมือบีบเค้นอัณฑะทั้งสองข้างของเขาด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี เธอบีบขยำกำแน่นมากราวกับต้องการให้มันแตกแหลกเละคามือ จนกระทั่งในที่สุด สามีของเอกฮาเตอร์ก็หมดสติแล้วล้มลงแน่นิ่งไป
ฝ่ายชายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้น แต่แพทย์ระบุว่าเขาเสียชีวิตแล้ว สายเกินกว่าที่จะยื้อชีวิตเขาเอาไว้ ทางด้านเอกฮาเตอร์ก็ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนในเวลาต่อมา ซึ่งเธอก็อ้างว่าตอนนั้นถูกผีสิง วิญญาณร้ายเข้าครอบงำสติ จนทำให้ก่อเหตุรุนแรงแบบนั้นกับสามี
ทั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคดีลักษณะนี้เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ในปี 2560 หญิงอินเดียรายหนึ่งทะเลาะกับสามีขณะมึนเมา พ่อสามีได้พยายามเข้ามาห้ามปราม ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจ เธอเอื้อมมือไปจับอัณฑะพ่อสามีแล้วไม่ยอมปล่อย เธอบีบแน่นมากจนอัณฑะของเขาระเบิด นำไปสู่การเจ็บปวดสาหัสรุนแรง เลือดไหลไม่หยุด และทำให้เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับกรณีของเอกฮาเตอร์นั้น เบื้องต้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อคำให้การของเธอเรื่องถูกผีเข้า และจับกุมเธอในข้อหาฆาตกรรม ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างรอสืบสวนสอบสวน ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/196853
เนรมิตงานแต่งฝาแฝด สินสอด 4 แสน ทอง 40 บาท คอหวยแห่ซื้อบ้านเลขที่
วิวาห์ฟันน้ำนม เนรมิตงานแต่งฝาแฝดวัย 6 ขวบเสมือนจริง สินสอด 4 แสน ทอง 40 บาท ด้านคอหวยแห่ซื้อบ้านเลขที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 พ.ย.) ที่บ้านเลขที่ 204/4 บ้านหางแขยง หมู่ 2 ต.หางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท มีการจัดงานแต่งงานของ ด.ช.ธนกร พวงทอง หรือ น้องอิฐ อายุ 6 ขวบ และ ด.ญ.ธันยพร พวงทอง หรือ น้องเอม อายุ 6 ขวบ ฝาแฝดชาย-หญิง อย่างยิ่งใหญ่ ทำทุกอย่างเสมือนจริง เหมือนงานของผู้ใหญ่
มีทั้งการผูกข้อไม้ข้อมือ รดน้ำสังข์ แห่ขันหมาก เริ่มตั้งขบวนขันหมาก มีถือต้นอ้อยต้นกล้วยพานเงินพานทอง ร้องโห่ ฟ้อนรำ อย่างสนุกสนาน เพื่อนเจ้าสาว ที่อายุไม่สาว เป็นบรรดา ป้าๆ มากั้นประตูเงินประตูทอง ส่วนเงินค่าสินสอดครั้งนี้ อยู่ที่ 400,000 บาท ทองคำรูปพรรณ ทองคำเส้น รวม 40 บาท ภายหลังพิธีเสร็จสิ้น แขกที่มาร่วมงานกว่า 100 คน ร่วมรับประทานอาหารโต๊ะจีน
นายทศพล พวงทอง อายุ 37 ปี พ่อของเด็กแฝด เปิดเผยว่า ความเชื่อคนโบราณ เล่าว่า การเกิดลูกแฝดชายหญิง เรียกว่าแฝดคนละฝา เกิดจากชายและหญิงผิดหวังไม่ได้ครองคู่กันในชาติปางก่อน แล้วมิได้บนบานขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เกิดมาครองคู่กันในชาติหน้า
แต่เยื่อใยแห่งความพิศวาสแบบชู้สาวยังคงผูกพันกันอยู่ เพราะบางคู่ก็ต่างฝ่ายต่างแยกกันไป แต่งงานกับคนอื่นเกิดลืมเลือนกันไปบ้าง ไม่ยอมแต่งงานบ้าง ผลกรรมแห่งการเคยพิศวาส ยังคงติดมาชาตินี้ เลยเกิดเป็นแฝดคนละฝา
เรื่องนี้ฟังแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะการเป็นพี่น้องกันเรื่องความรัก ความห่วงใยไม่ต่างจากการเป็นคู่รักกันแต่อย่างใด บางครั้งทีมีมากกว่าคู่รักเสียอีก แต่การเกิดเป็นแฝดชายหญิงได้สักห้าหกปี เมื่อทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่ปัญหาที่ตามมาคือ เด็กจะเจ็บป่วยบ่อย บางรายมีอาการป่วยแปลก ๆ ความเชื่อคนโบราณแก้เคล็ดโดยจับแต่งงานกัน
ด้าน นางสาววันวิษา พวงทอง อายุ 37 ปี แม่ของเด็กแฝด เผยว่า ตั้งแต่เกิด น้องทั้งสองคน พอคนนึงป่วย อีกคนจะป่วยตาม นอนโรงพยาบาลทันที เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา น้องผู้ชายป่วยหนัก มีอาการชัก เลือดออกจมูก ไม่กี่ชั่วโมง น้องผู้หญิงก็ป่วยตามทันที จึงรีบทำการแต่งงานตามความเชื่อโบราณเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงบ้าง
ส่วนบรรดาชาวบ้านที่มาร่วมงาน ก็ไม่ยอมพลาด เรื่องตัวเลข เอาบ้านเลขที่ 204/4 ชาวบ้านจึงเอาเลข 20,04,44 มาแยกเล่น แต่ส่วนใหญ่จะซื้อ 44 เพราะสถิติหวยออกวันอาทิตย์จะออกเลขเบิ้ล ซื้อที่แผงเร่ ที่มารอขายภายในงานทันทีจนเกลี้ยงแผง เพราะ อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว จึงซื้อติดไม้ติดมือไปคนละ ใบสองใบ ไปรอลุ้น
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967218/
กราบไหว้ "บ่อน้ำโบราณ" กลางหมู่บ้าน คนฝันถึงถูกหวย 3 แสน เด็กตกลงไปกลับไม่จม
ชาวบ้านเผย เคยมีเด็กพลัดตกลงไปในบ่อน้ำโบราณกลางหมู่บ้าน แต่ลอยขึ้นมาเองไม่จม เชื่อมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ใต้บาดาลช่วยชีวิต
(29 พ.ย.62) ภายหลังจากที่ชาวบ้าน บ้านโนนตาสุด หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองยาง อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา พบบ่อน้ำโบราณกลางหมู่บ้าน อายุหลายร้อยปี มีความลึกประมาณ 6 เมตร กว้าง 2 เมตร อยู่ในที่สาธารณะของหมู่บ้าน โดยมีน้ำผุดขึ้นมาจากปากบ่ออย่างต่อเนื่องไม่เคยแห้ง บ่อน้ำแห้งนี้ เป็นบ่อน้ำโบราณมีอายุหลายร้อยปี โดยจะสังเกตเห็นว่า บริเวณปากบ่อ คนโบราณจะใช้ไม้กั้นในขอบบ่อ แต่หากเปรียบในปัจจุบันนี้ จะพบว่า จะใช้ท่อปูนซีเมนต์ กั้นเป็นขอบบ่อน้ำ โดยบ่อน้ำแห่งนี้ เป็นบ่อน้ำที่ไม่เคยแห้ง มีน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาตลอดเวลา ไม่เคยแห้ง มีรสชาติจืดเหมือนน้ำฝน โดยมีชาวบ้านคนหนึ่งถูกหวยเป็นเงินกว่า 3 แสนบาท เพราะฝันเห็นบ่อน้ำโบราณแห่งนี้
ล่าสุด วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2562) ผู้สื่อข่าวสอบถามนางคูณ อายุ 65 ปี ชาวบ้านคนหนึ่งได้บอกว่า บ่อน้ำแห่งนี้ หลายเดือนก่อน เคยมีเด็กอายุประมาณ 5 ขวบพลัดตกลงไป ในบ่อน้ำ แต่เด็กไม่จมน้ำ เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้บ่อบาดาล ช่วยไม่ให้เด็กจมน้ำ หลังจากมีคนลงไปช่วยเด็กขึ้นมาแต่กลับพบว่าเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเด็กเลย เด็กลอยขึ้นมาเอง แถมไม่จมน้ำ ทั้งๆ ที่ปริมาณน้ำ ในบ่อบาดาลมาความลึกมาก ทำให้ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่า บ่อน้ำแห่งนี้ เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันมากราบไหว้ เพื่อขอโชคลาภตามความเชื่อ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967678/
ฮือฮา "จอมปลวกพญาช้างสาร" จะบันดาลโชค 8 งวด ชาวบ้านแห่ขอเลขเด็ด
แห่ขอเลขเด็ดโชคลาภ กับปู่เจ้าจอมสวรรค์ จอมปลวกขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายพญาช้างสารที่กำลังหมอบ หลังให้โชคถูกเลขท้ายสลากกินแบ่งรัฐบาลมาแล้ว 2 งวดซ้อน รับทรัพย์ทั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านเผยเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์สงสารชาวบ้านฐานะยากชน จะมาดลบันดาลโชคให้ 8 งวด ถึงต้นปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (29 พ.ย.) ที่บริเวณริมถนนปากทางเข้าบ้านวังฝั่งแดง ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ มีชาวบ้านจำนวนมาก นำดอกไม้ ธูปเทียน มาทำพิธีกราบไหว้ และอธิษฐานต่อหน้าเนินดินขนาดใหญ่ หรือ จอมปลวก ที่มีลักษณะเหมือนพญาช้างสารที่อยู่ในท่าหมอบ พร้อมกับนำแป้งฝุ่นมาโรยและลูบบริเวณพื้นผิวที่เรียบของเนินดิน แล้วจดจ้องมองหาตัวเลข จากนั้นใช้โทรศัพท์บันทึกภาพไว้
จากการสอบถาม ทราบว่า ชาวบ้านเดินทางกันมาจากหลายหมู่บ้าน เพื่อขอเลขเด็ดโชคลาภกับเนินดิน ที่เรียกว่าจอมปลวกพญาช้างสาร ซึ่งชาวบ้านร่ำลือว่าเป็นที่สถิตของเจ้าปู่จอมสวรรค์ ซึ่งเป็นเจ้าที่ศักดิ์ที่ชาวบ้านในละแวกนี้ให้ความเคารพนับถือ
จากการสอบถาม นางม้วน อายุ 78 ปี ชาวบ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากที่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือกันว่าจอมปลวกพญาช้างสาร ซึ่งเป็นที่สถิตของปู่เจ้าจอมสวรรค์เจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ บันดาลโชคให้ชาวบ้านในเขต ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ติดต่อกันแล้ว 2 งวด
โดยถูกเลขท้ายสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 และ 16 พ.ย. ที่ออก 75 และ 23 โดยถูกกันทั้งตำบล ในวันนี้จึงได้ชวนลูกหลาน มาจุดธูปเทียนขอโชคลาภ เพื่อนำไปเสี่ยงดวงในงวดวันที่ 1 ธันวาคมที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ ยังอธิษฐานขอความเป็นสิริมงคลกับปู่เจ้าจอมสวรรค์ เพื่อขอให้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย
ด้าน นางนิตยา อายุ 63 ปี บ้านวังฝั่งแดง ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สถานที่ที่จอมปลวกพญาช้างสารหมอบ ที่สถิตปู่เจ้าจอมสวรรค์ดังกล่าว เป็นพื้นที่ติดต่อกับกับทางสาธารณะเข้าหมู่บ้านและที่ของเอกชน ซึ่งแต่เดิมมีวัชพืชขึ้นปกคลุม
พอปลายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มีชีปะขาวและลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เดินทางมาจาก จ.ชัยภูมิ บอกว่ามีเจ้าเจ้าปู่จอมสวรรค์ไปเข้าฝัน ให้มาบูรณะจอมปลวกพญาช้างสารที่นี่ แล้วจะให้โชคลาภกับชาวบ้านที่มากราบขอ เพราะสงสารชาวบ้านที่ฐานะยากจน โดยจะให้ถูก 8 งวดติดต่อกันทีเดียว
นางนิตยา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นชีปะชาวได้พาชาวบ้านทำความสะอาด บริเวณที่จอมปลวกรูปร่างคล้ายช้างหมอบ โดยหันหน้าไปทางทิศใต้ ต่อมาชาวบ้านที่มีความเชื่อในเรื่องโชคลาภ ก็ได้นำธูปเทียนมาประกอบพิธีขอตามความเชื่อ
ปรากฏว่างวดประจำวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ออกเลขท้าย 3 ตัวรางวัลที่ 1 ออก 375 และเลขท้าย 2 ตัว 79 และต่อมางวดประจำวันที่ 16 พ.ย. ที่ออกเลขท้าย 3 ตัวรางวัลที่ 1 ออก 223 และเลขท้าย 2 ตัว 32 อีก
ซึ่งชาวบ้านถูกกันเป็นจำนวนมาก เป็นการตอกย้ำความเชื่อว่าเจ้าปู่จอมสวรรค์ให้หวยแม่น จึงนำพวงมาลัย ผ้าหลากสี น้ำแดง มาเซ่นไหว้ พร้อมนำป้ายชื่อสถานที่มาติดไว้เพื่อเป็นการแก้บน ชาวบ้านก็พูดกันปากต่อปาก ก็มีการโพสต์และแชร์ทางไลน์ให้พี่น้องลูกหลานใกล้ไกลได้รู้
จึงทำให้บรรยากาศการขอหวย ที่บริเวณจอมปลวกพญาช้างสารก่อนวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ในงวดวันที่ 1 ธ.ค.ที่จะถึง มีคอหวยจากทั่วสารทิศแห่กันมาอย่างคึกคัก โดยคาดว่าในคืนนี้และพรุ่งนี้ จะมีร่างทรงมาประกอบพิธีขอขมาและขอหวยด้วย
ทั้งนี้ จากการสอบถามชาวบ้านที่มาขอหวยกับจอมปลวกพญาช้างสาร หรือปู่เจ้าจอมสวรรค์ โดยโรยแป้งฝุ่นและใช้มือลูบมองหาตัวเลข ซึ่งเลขเด็ดที่ได้จากการโรยแป้งและจะนำไปเสี่ยงโชคในงวดประจำวันที่ 1 ธ.ค.62 คือ 55 และ 714
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967702/
เลขเด็ดอ่างน้ำมนต์วัดหลวงพ่อปากแดง ส่องชัดๆ ศรัทธาจ้องตาเป็นมันหวังรับโชค
ประชาชนจากทั่วสารทิศต่างแห่มากราบไหว้ขอพรภายในวัดหลวงพ่อปากแดง ต.บ้านใหญ่ อ.เมืองนครนายก อย่างล้นหลามในวันนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงใกล้วันออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลวันที่ 1 ธ.ค. นี้ ขณะที่บางรายเสี่ยงเซียมซีเพื่อขอเลขเด็ดลุ้นโชคเปลี่ยนเพื่อชีวิต โดยหวังว่าจะได้เป็นเศรษฐีใหม่หรือลืมตาอ้าปากได้บ้าง
ส่วนจุดที่ประชาชนมาสักการะเป็นพิเศษคือ หลวงพ่อปากแดง ที่เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอีกองค์หนึ่งของ จ.นครนายก ซึ่งแต่ละครอบครัวนำเอากล้วยน้ำว้า หมากพลู พวงมาลัย และน้ำแดง มาถวาย นอกจากนี้บางคนเลือกเขย่าเซียมซีเพื่อขอเลขเด็ดกัน
พระราชบรมคุณ หรือหลวงพ่อตึ๋ง เจ้าคณะจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ยิ่งใกล้วันหวยออกก็จะมีญาติโยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อปากแดงกันเป็นจำนวนมาก ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ลืมบอกญาติโยมเช่นเคยว่า อย่าไปหลงงมงายกับการเสี่ยงโชคให้มากนัก ขอให้ทุกคนหมั่นสร้างความดีกันเอาไว้แล้ววันหนึ่งความดีก็จะตอบสนองเราเอง เรื่องโชคลาภแล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967454/
ญาติโยมเผยเจ้าอาวาสเคร่งพระธรรมวินัย นึกไม่ถึงจะมีคลิปฉาว ล่าสุดหายไปจากวัด
พระครูคลิปฉาวย่องออกวัดแต่เช้ามืด อ้างไปงานศพญาติที่นครราชสีมาสิบกว่าวัน ส่วนบรรยากาศวัดเงียบสนิท พระเณรเก็บตัวในกุฏิ ขณะที่ศรัทธาชนช็อก ขอปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
ความคืบหน้าหลังคลิปฉาวเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง ต.ยุหว่า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ถูกเผยแพร่ ล่าสุดเช้าวันนี้ ( 29 พ.ย.) บรรยากาศที่วัดศรีปันเงินเป็นไปด้วยความเงียบเหงา พระเณรเก็บตัวอยู่ในกุฏิ ส่วนพระอธิการกฤษดา อายุ 62 ปี เจ้าอาวาส พระลูกวัดระบุว่าได้เดินทางออกจากวัดตั้งแต่เช้ามืด เพื่อไปร่วมงานศพของน้าที่จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งพาโยมแม่ไปโรงพยาบาล และ บอกว่าจะกลับวันที่ 10 ธ.ค.
เช้าวันเดียวกันนี้ ได้มีนางจุฑารัตน์ อายุ 45 ปี แม่ค้าตลาดมะจำโรง อ.สันป่าตอง นำอาหารและดอกไม้เข้าวัดไปบุญ แต่ก็ไม่ได้พบกับเจ้าอาวาสและไม่มีพระในวัดออกมารับถวายทาน ทำให้นางจุฑารัตน์ได้นำอาหารและดอกไม้ไปถวายที่วัดอื่นแทน พร้อมบอกด้วยว่า ที่ผ่านมา มาทำบุญที่วัดตลอด ไม่เคยเห็นเจ้าอาวาสมีพฤติกรรมแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่ได้เห็นคลิปจากสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวที่วัด
ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพระครูมีพฤติกรรมลักษณะนี้มาก่อน จากการสนทนาธรรมหรือให้ศีลให้พร พระครูท่านก็จะเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีข่าว เธอก็จะทำบุญกับพระเณรรูปอื่นก็ได้ เพราะไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคล ส่วนการกระทำของเจ้าอาวาสถือว่าไม่เหมาะสมและผิดวินัยสงฆ์ ที่มีการถูกเนื้อต้องตัวหญิงสาว ถึงแม้จะเป็นหลานสาวก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามเวรตามกรรม
พระลูกวัด บอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้ของเจ้าอาวาส และ ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสก็ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับทั้งชาวบ้านและคณะกรรมการวัด เรื่องคลิปที่ถูกเผยแพร่เชื่อว่าจะถูกกลั่นแกล้งจากใครสักคนในวัด
ส่วนเด็กสาวที่ปรากฏในภาพ เจ้าอาวาสบอกว่าเป็นหลานสาวแท้ๆ ซึ่งความจริงก็ไม่มีใครรู้ และคนที่วัดก็ไม่เคยรู้ว่าได้ซื้อหรือเช่าบ้านให้เด็กได้อยู่กัน เรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้พระชั้นปกครองตรวจสอบกันไป พระในวัดจะไม่ขอยุ่งด้วย เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว
>> แฉคลิปเจ้าอาวาสนัวเนียเด็กสาวคากุฏิ เปลี่ยนคนไม่ซ้ำหน้า เปย์ซื้อบ้านให้อยู่หลังวัด
>> เจ้าอาวาสคลิปนัวเนียเด็กสาว อ้างเป็นหลานแท้ๆ แตะเนื้อต้องตัวด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967682/
ที่แท้อดีตแฟน! ครูหนุ่มแทงครูสาวดับสยองคาเก๋ง เข้ามอบตัวแล้ว
คืบ! ครูสาวถูกแทงเสียชีวิตคารถเก๋ง จ.สงขลา อดีตแฟนเข้ามอบตัวแล้ว เหตุหึงหวงง้อคืนดีไม่สำเร็จ
ความคืบหน้ากรณีพบศพ น.ส.สุนทรีย์ อายุ 29 ปี เสียชีวิตอยู่ในรถเก๋งซึ่งถูกจอดทิ้งไว้ริมถนนสายเกาะแต้ว-สามกอง หมู่1 ต.เกาะแต้ว อ.เมืองสงขลา โดยถูกแทงพรุนทั้งร่างและใบหน้ารวม 8 แผล เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาวและน่าจะเป็นฝีมือของอดีตแฟนหนุ่มซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว
>> โหด! พบศพหญิงสาวถูกแทงไม่ยั้งทั้งร่าง ดับสยองคารถ
ล่าสุด ในวันนี้ (29 พ.ย.) หลังจากตำรวจ สภ.เมืองสงขลา ได้สอบสวนขยายผลทราบว่าผู้ตายเป็นครูประจำชั้น ป.1 วิชาภาษาไทย โรงเรียนเอกชน ใน ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ในขณะที่ผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นอดีตแฟนหนุ่ม คือ นายณัฐภัทร อายุ 26 ปี ก็เป็นข้าราชครูเช่นกันโดยสอนอยู่ที่โรงเรียน ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาญาติได้พามามอบตัวกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสงขลา แล้ว เบื้องต้นมีรายงานว่าให้การรับสารภาพ และตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวไปชี้จุดและตรวจค้นบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาอาวุธมีดของกลางที่ใช้ก่อเหตุซึ่ง นายณัฐภัทร บอกว่าทิ้งไว้ในป่าข้างทาง แต่จากการตรวจค้นยังไม่พบ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พาตัวไปที่บ้านพักเพื่อหาเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุมาประกอบคดี อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ญาติได้พา นายณัฐภัทร มามอบตัวกับตำรวจญาติได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่ให้ถ่ายภาพนายณัฐภัทร โดยอ้างว่าผู้ต้องหาอยู่ในอาการเครียดและป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ส่วนแรงจูงใจที่ลงมือฆ่าอดีตแฟนสาวของตัวเองนั้น จากการสอบสวน ทราบว่า มาจากความหึงหวงที่พยายามตามง้อขอคืนดีแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม และนัดเคลียร์ปัญหากันแต่บานปลายจนถึงขั้นทะเลาะวิวาทและฝ่ายชายใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต
ด้าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา จะทำการสอบปากคำ นายณัฐภัทร อีกครั้งพร้อมกับเตรียมแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าเก็บหลักฐานที่รถเก๋งอย่างละเอียดอีกครั้งทั้งลายนิ้วมือแฝงและวัตถุพยานต่างๆ ภายในรถเพื่อนำไปประกอบคดี ซึ่งขณะนี้รถเก๋งได้ถูกนำมาจอดไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967643/
สรุปแพทช์ Dota 2 เวอร์ชั่น 7.23 The Outlanders พลิกโฉมเกมใหม่หมด
เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อทาง Valve เจ้าของเกม MOBA อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Dota 2 หลังจากที่มีการปล่อยแพทช์ใหญ่ในชื่อว่า The Outlanders 7.23 ที่บอกเลยว่าแฟนๆ ต่างยกนิ้วให้ส่วนนิ้วไหนนั้นก็ขึ้นอยู่มุมมองของแต่ละคนว่ารู้สึกยังไงกับแพทช์ครั้งนี้ การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่รอบนี้จะมีอะไรบ้าง Sanook Game ของอาสาสรุปแพทช์อัปเดตออกมาให้เพื่อนๆ ดูกันว่ามีอะไรเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
เพิ่ม Heros ใหม่พร้อมกันสองตัว Void Spirit ที่จะมีความสามารถในการเคลื่อนที่สูง จัดว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่สามารถทำดาเมจได้เยอะพอสมควรมีสกิลสำหรับเคลื่อนที่เยอะเข้าออกไฟต์ได้ง่าย และ Snapfire คุณป้าขาโหดที่จัดว่าเป็นตัวละครตำแหน่ง Sup 4 ที่โหดเหี้ยมอีกตัวหนึ่งมีสกิลในการทำดาเมจ CC ศัตรู รวมไปถึงสกิลช่วยเพื่อนอย่าง Firesnap Cookie ทีจะทำให้ผู้ที่โดนสกิลนี้กระโดไปข้างหน้า เมื่อลงพื้นโดนศัตรูจะติด Stun ด้วย
Heros ภายในเกมจะมีการปรับเลเวลให้ตันที่ 30 แล้วเมื่อ Level 30 จะได้รับผลของ Talent Tree ทั้งหมด รวมไปถึงในแผนที่จะมีการปรับเปลี่ยนหลายจุดยกตัวอย่างเช่น การลบ Side Shops (ร้านค้าเลนไกล) ทุกอย่างจะถูกย้ายไปร้านค้าลับแทน การเพิ่ม Outposts ใหม่ภายในเกมตำแหน่งจะอยู่ใกล้ๆ ร้านค้าลับ ซึ่งใครสามารถควบคุม Outposts ได้จะรับผลตอบแทนเป็น XP รวมไปถึงสามารถวาร์ปมาลงสิ่งปลูกสร้างนี้ และให้ระยะการมองเห็นให้กับทีมด้วย
Economy ภายในเกมจะมีการปรับเปลี่ยน Observer Wards จะไม่ใช้เงินในการซื้ออีกต่อไปแล้ว เมื่อเริ่มเกมมา Heros ทุกตัวในสนามจะมีวาร์ปให้ 3 อัน และเงินที่ได้รับจากการทำลาย Observer Wards จะให้เงินคนที่ Ture Sight ง่ายๆ ก็คือใครซื้อ Wards ฟ้ามาปักจะได้รับเงินไป คนตีจะไม่ได้ รวมไปถึง Assist Glod ที่มีการปรับเปลี่ยนเป็น Globally และลดอัตราเงินที่ได้รับลง
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/game/1047305/
สยอง หญิงราดน้ำมันเผาแฟนสาวทั้งเป็น ชาวบ้านแฉเมาแล้วชอบจุดไฟเล่นกัน
ตำรวจแจ้งข้อหาหญิงจุดไฟเผาแฟนสาว มีโทษถึงประหารชีวิต - ชาวบ้านเล่ามักมีพฤติกรรมชอบจุดไฟเผา เมื่อเมาสุรา
จากกรณีเหตุการณ์ นางวรวรรณ อายุ 51 ปี ถูก นางมาลัยทอง อายุ 48 ปี ราดน้ำมันและจุดไฟเผาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) ที่บริเวณ ชุมชนดาราฉาย ซอยอ่อนนุช 46 แขวงสวนหลวง กทม.
ความคืบหน้าล่าสุด (29 พ.ย.) นางบุญมี น้องสาวของนางวรวรรณ ผู้ได้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เคลื่อนย้ายพี่สาวจาก รพ.สิรินธร ไปรักษาอาการต่อยัง รพ.พระมงกุฎ เนื่องจากมีเครื่องมือที่ทันสมัย โดยอาการล่าสุดของพี่สาวนั้น แพทย์ระบุว่าต้องคงต้องดูอาการและใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ภายในภายห้องไอซียู
นอกจากนี้ พี่สาวจะต้องเข้ารับการตัดบริเวณแขนขวา เนื่องจากถูกไฟไหม้ จนผิวหนังและเนื้อบริเวณนี้จุดหาย ซึ่งโดยรวมถือว่าอาการยังสาหัสน่าเป็นห่วง
ด้าน นางจินตนา เกิดแก้ว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ชุมชนดาราฉาย เปิดเผยว่า ทั้ง 2 คน อยู่กินกันแบบสามีภรรยา นาน 2 ปี โดยประกอบอาชีพเร่ขายของที่ตลาดบางแค โดยที่ผ่านมาทั้ง 2 มักชอบดื่มสุรา และปากเสียงกันบ่อยครั้ง
รวมทั้งเวลาเมาสุรามักมีพฤติกรรมชอบจุดไฟเผาหญ้า ขยะ หรือสิ่งของในบริเวณพื้นที่รอบชุมชน จึงทำให้คนในชุมชนหวาดผวาและเกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงช่วยกันเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาและไม่อยากให้ทั้ง 2 กลับเข้ามาอาศัยในชุมชน
ขณะที่ทางคดี พ.ต.ท.เสถียร วิชญ์ธนมาลา รองผกก.สอบสวน สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้ควบคุมตัว นางมาลัยทอง ผู้ก่อเหตุไว้แล้ว เบื้องต้น สอบปากคำรับสารภาพลงมือเนื่องจากความขัดแย้งส่วนตัว
ทางตำรวจจึงแจ้งดำเนินคดีในข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยในคดีนี้มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ซึ่งในขณะนี้ผู้ต้องอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากรับบาดเจ็บขณะก่อเหตุ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7967482/
ออสเตรเลียผวา อ้างพบข้อมูล TikTok-หัวเว่ย ช่วยรัฐบาลจีนสอดแนม-ละเมิดสิทธิ์ชาวอุยกูร์
ศูนย์นโยบายไซเบอร์ระหว่างประเทศ ของสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย ออกรายงานฉบับหนึ่งเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) ที่ระบุว่า ไบท์แดนซ์ บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นชื่อ TikTok (ทิคทอค) และหัวเว่ย เทคโนโลยี่ บริษัทด้านเทคโนโลยีชื่อดังจากจีน ช่วยรัฐบาลจีนเซนเซอร์เนื้อหาและสอดแนมชาวมุสลิมในเขตปกครองพิเศษเซินเจียง-อุยกูร์ ทางตะวันตกของประเทศ
รายงานนี้เผยแพร่ออกมา หลังจากแอปพลิเคชัน TikTok ระงับบัญชีของผู้ใช้วัยรุ่นชาวสหรัฐรายหนึ่ง ที่พูดถึงการที่รัฐบาลจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมอุยกูร์ ระหว่างสอนดัดขนตา ส่งผลให้แอปพลิเคชันได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องเปิดบัญชีดังกล่าวคืนให้ผู้ใช้รายนั้นอีกครั้ง
ส่วนรายงานฉบับนี้ ระบุต่อไปว่า บริษัทเทคโนโลยีจีนช่วยรัฐบาลสร้างระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาสอดแนมชาวอุยกูร์ไม่พอ ยังพัฒนาเครื่องมือต่างๆ มาสนองความต้องการของรัฐบาลเผด็จการในหลายประเทศทั่วโลกด้วย ทั้งยังแนะนำให้รัฐบาลหลายประเทศออกนโยบายมาสกัดกั้นบริษัทเหล่านี้
ความกังวลดังกล่าวยังสอดคล้องกับความคิดของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐบางคน ที่เคยขอให้หน่วยงานด้านข่าวกรองชี้ชัดว่าแอปพลิเคชัน TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐหรือไม่
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐ ที่นำโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยแล้ว ด้วยความกังวลว่า ถ้าปล่อยให้บริษัทในประเทศใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยี 5จี ของบริษัทจีนรายนี้ อาจทำให้หัวเว่ยเจาะทะลวงเข้าถึงข้อมูลความมั่นคงของสหรัฐ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : The Straits Times
ภาพ : AFP
ปัจจัยเสี่ยง “มะเร็งปอด” ไม่สูบบุหรี่ก็เสี่ยงได้
คนไทยเสี่ยง “มะเร็งปอด” มากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ปัจจัยเสี่ยงไม่ได้มีแค่การสูบบุหรี่ แต่ยังรวมถึงการสูดดมควันบุหรี่ ควันจากมลพิษต่าง ๆ ก๊าซอันตราย แร่ใยหิน รังสี รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ด้วยเช่นกัน แนะตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอันตรายต่อชีวิต
พบคนไทยเสี่ยงมะเร็งปอดเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาโรคมะเร็งปอดที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด
สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมาก เป็นอันดับที่ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลก 2 ล้านคนต่อปี และเสียชีวิต 1.7 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบคนไทยป่วยเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นวันละ 42 คน (Cancer in Thailand Vol. IX 2013-2015) และเสียชีวิตถึงวันละ 38 คน (สถิติสาธารณสุข พ.ศ.2560 กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอด คือ
การสูบหรือรับควันบุหรี่
พันธุกรรม
การสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5
อาการของโรคมะเร็งปอด
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของมะเร็งปอดที่พบบ่อย ได้แก่
ไอเรื้อรัง
ไอมีเสมหะปนเลือด
หายใจลำบาก
เหนื่อยหอบ
หายใจมีเสียงหวีด
เสียงแหบหรือเสียงเปลี่ยนไป
เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่
ปอดติดเชื้อบ่อย
เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเกินกว่า 3 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์
แพทย์แนะตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ช่วยลดอันตรายต่อชีวิตได้
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ที่มีประสิทธิภาพในระดับประเทศ แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจ คัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี และการรักษาโดยให้ยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะของโรค ดังนั้น การตรวจคัดกรองในรายที่เสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งปอด จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถค้นพบผู้ป่วยระยะเริ่มต้นให้ได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและลดการเสียชีวิตลงได้
วิธีลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันมะเร็งปอด คือ “เลิกสูบบุหรี่” เพื่อตัวคุณเอง ครอบครัวและสังคมรอบข้าง หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ,นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์
ภาพ : iStock
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)