แรงกว่าม้า! PS5 ทดสอบพลัง ทำความแรงมากกว่า PS4 หลายขุม

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

             Sony เตรียมเปิดตัวและวางจำหน่าย PlayStation 5 ภายในปีหน้า จริงๆ เราก็พอรู้รายละเอียดคร่าวๆ มาก่อนแล้วว่าคอนโซลรุ่นใหม่จะใช้ชิปสุดแรงของ AMD รวมถึงเปลี่ยนจาก HDD มาใช้ SSD เพียงแค่สองอย่างนี้ก็สามารถสร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดได้แล้ว

             บล็อกของชาวเยอรมัน WinFuture ได้เผยผลทดสอบความแรงของชิป AMD แพลตฟอร์ม Gonzalo เปรียบเทียบกับ PlayStation 4 พบว่า AMD ที่จะใช้บน PlayStation 5 ทำคะแนนแรงถึง 20,000+ คะแนน ในขณะที่ PlayStation 4 ทำคะแนนไปได้ 5,000 คะแนน ห่างกันกว่า 4 เท่าเลยทีเดียว

             Sony ยืนยันแล้วว่า PlayStation 5 จะใช้ชิป AMD Ryzen ประมวลผล 8 แกน สร้างขึ้นที่สถาปัตยกรรม 7 นาโนมตร Zen2 microarchitecture เช่นเดียวกันกับ Radeon Navi GPU นั่นหมายความว่า PlayStation 5 จะแรงแบบบ้าคลั่งกันเลยทีเดียวครับ

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/game/1034121/

เปิดตำนาน ศาลเจ้าพ่อแขก อดีตนักโทษยิงเป้า ไม่รื้อศาลแม้ขยายถนนสุขุมวิท

           เผยภาพ ศาลเจ้าพ่อเขาโค้ง ยังตั้งอยู่ที่เดิม แม้รอบข้างเริ่มมีการขยายถนนเส้นสุขุมวิท เส้นสัตหีบ-บ้านฉาง คาดยังไม่รื้อเหตุกลัวแรงอาถรรพ์ 

          วันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ข่าวช่องวัน รายงานว่า สำนักงานก่อสร้างทางที่ 2 กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม มีแผนโครงการก่อสร้างปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) อ.สัตหีบ - อ.บ้านฉาง ระยะทาง 10.141 กิโลเมตร โดยขยายช่องทางจราจรเป็น 6-11 ช่องจราจร เริ่มดำเนินการตามกำหนดตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2562 - 14 พฤษภาคม 2564 รวม 840 วัน

           จากการลงสำรวจพื้นที่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรถไถ และรถแบ็กโฮ เข้าปรับขยายพื้นผิวถนนไปจนสุดแนวเขตเสาไฟฟ้าแล้ว แต่ได้เว้นบริเวณศาลเจ้าพ่อแขก ที่ยื่นขวางช่องทางไว้ ส่งผลให้ศาลนั้นตั้งสูงจากพื้นถนนกว่า 3 เมตร ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงการดำเนินการย้ายศาลดังกล่าว คาดว่าเกรงกลัวแรงอาถรรพ์ หากกระทำไม่ถูกวิธี หรือเป็นการลบหลู่ต่อดวงวิญญาณ อาจทำให้เกิดอาเพศได้

           สำหรับประวัติของ ศาลเจ้าพ่อแขก หรือ เจ้าพ่อเขาโค้ง สืบเนื่องจากเมื่อปี 2514 นายสมศักดิ์ ขวัญแก้ว หรือ แขก อายุ 28 ปี ได้ฆ่าชิงทรัพย์นายทหารอากาศชาวอเมริกัน ต่อมา จอมพล ถนอม กิตติขจร มีคำสั่งให้ประหารชีวิตนายสมศักดิ์ ด้วยการยิงเป้า บริเวณเชิงเขาตะแบก ห่างจุดก่อเหตุเพียง 1.5 กม. โดยเพชฌฆาตสารวัตรทหารเรือ 5 นาย ระดมยิงกระสุนเข้าร่างรวม 25 นัด ท่ามกลางสายตาประชาชน ด้วยความเฮี้ยนของดวงวิญญาณ ทำให้ชาวบ้านสร้างศาลเจ้าพ่อแขกขึ้นในปีต่อมา และยังมีผู้คนกราบไหว้ขอพรมาจนทุกวันนี้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://hilight.kapook.com/view/190375

ภาพ : ข่าวช่อง One

เตือนฝนถล่ม 32 จังหวัด

           กรมอุตุฯ / วันที่ 5 มิ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกลดลง เว้นแต่ภาคตะวันออกยังคงมีฝนตกหนักได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

           สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง โดยหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีกในระยะนี้

           ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง

           พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 6 ก.ค.นี้ ภาคเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

           ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

           ภาคกลาง มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

           ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

           ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

           ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

           กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : www.msn.com/th-th/news/weather/เสี่ยงท่วมฉับพลัน-กรมอุตุฯ-เตือนวันนี้ฝนถล่ม

ตะลึงงัน! ตัวเงินตัวทองปีนตู้เอทีเอ็ม ชาวเน็ตแห่ตีเลขเด็ดที่หลังน้อง

          ตัวเงินตัวทองปีตู้เอทีเอ็มหน้าโรงงาน ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ ชาวเน็ตแห่ส่องดูหลังน้อง หวังเอาเลขเด็ดไปเสี่ยงโชค

          (4 ก.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก กฤตวิทย์ ธรรมชัย ได้โพสต์ภาพเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพของตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่กำลังปีนตู้เอทีเอ็มของธนาคารชื่อดัง

          โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก กฤตวิทย์ ธรรมชัย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "พี่ครับกดเงินเร็วๆ หน่อยครับ ผมรอต่อคิวอยู่ครับพี่ 555++ (ตู้หน้า บ.งามดีจำกัด กทม.)"

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ตู้เอทีเอ็มหน้าโรงงานแห่งหนึ่งในย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย

          หลายคนจับสังเกตไปที่หลังของตัวเงินตัวทองว่ามองออกมาเป็นเลขอะไร เพราะหวังเอาไปเสี่ยงโชคตามความเชื่อของคนไทยที่ว่าหากมีตัวเงินตัวทองเข้าบ้านมันจะมาให้โชค

 

ขอขอบคุณ

ภาพ : กฤตวิทย์ ธรรมชัย

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7824886/

MacBook Pro รุ่นใหม่ ได้รับอนุมัติจาก FCC แล้ว

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

          มีรายงานว่า Apple เตรียมจะเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ ที่จะมาพร้อมขนาดหน้าจอใหม่ในเร็ววันนี้ โดยคาดว่าจะมีหน่วยประมวลผลที่เร็วขึ้น และคีย์บอร์ด Butterfly ที่ปรับปรุงใหม่

          ก่อนหน้านี้ Apple ได้เปิดตัว MacBook Pro จอ 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว พร้อม Touch Bar ที่ได้รับการอัพเดตสเปกใหม่ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 ที่ผ่านมา

          ล่าสุดได้มีการเปิดเผยว่า MacBook Pro รุ่นใหม่ ได้รับการอนุมัติจากทาง FCC ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นจอ 13 นิ้ว แบบไม่มี Touch Bar ที่ได้รับการอัพเดตสเปกใหม่ด้วยเช่นกัน โดยมีหมายเลขรุ่น คือ A2159 ดังที่ปรากฏบนเอกสารชิ้นหนึ่งที่ยื่นต่อทาง FCC (ภาพด้านล่าง)



          นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Apple จะเปิดตัว MacBook Pro รุ่นจอ 16 นิ้ว ที่มีขอบจอบางลงด้วย โดยอาจนำไปเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 11 ทั้ง 3 รุ่น ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2019 นี้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1479393/

เผย Google อาจเสียลูกค้ามากถึง 800 ล้านคน หาก Huawei หันไปใช้ OS ตัวเอง

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา

        แม้ว่าทาง Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เองจะเพิ่งเปิดช่องให้ Huawei สามารถทำการซื้อขายสินค้าบริการกับบริษัทอเมริกันได้ตามเดิมแล้ว

        แต่ส่วนของคำสั่งจากกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องแบน Huawei จากการเข้าถึงบริการและซอฟต์แวร์ของ Google รวมทั้งการที่พวกเขายังมีชื่อติดบัญชีดำอยู่นั้นยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

        ซึ่งทางฝั่งของ Ren Zhengfei ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Huawei นั้นก็ออกมาระบุไว้ว่าพวกเขามีคาดการณ์กับผลการเจรจาไว้แล้ว แต่ที่เขาย้ำหนักแน่นเป็นพิเศษคือ Google จะเสียประโยชน์มหาศาลอย่างไรบ้าง หากท้ายที่สุดรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ปลดคำสั่งแบน

        Ren Zhengfei ประเมินว่าในอนาคต Google จะสูญเสียลูกค้าไปราว ๆ 700-800 ล้านราย หาก Huawei ย้ายไปใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเอง ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ ยิ่งบีบให้ Huawei เร่งพัฒนา ecosystem ของตัวเองออกมาเร็วขึ้น

        โดย Hongmeng OS นั้นปัจจุบันก็มีรายงานว่าถูกนำไปทดสอบใช้งานกับสมาร์ทโฟนจำนวน 1 ล้านเครื่อง และยังจดทะเบียนการค้าไปแล้วในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ Huawei เองก็เตรียมจับมือกับ Aptoide แพลตฟอร์ม App Store ทางเลือกใหม่ ที่คาดว่าจะเข้ามาทดแทน Google Play Store อยู่แล้วเช่นกัน

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1479405/

เข้าใจ "ไบโพลาร์" เดี๋ยวดี-เดี๋ยวร้าย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

       ไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นอีกหนึ่งโรคทางจิตใจที่คงจะคุ้นหูใครหลายคนในช่วงนี้ เพราะเป็นที่พูดถึงกันมากเหลือเกิน และโรคนี้ก็ทำให้ผู้ป่วยต้องประสบกับปัญหาในการใช้ชีวิต ไม่น้อยไปกว่าโรคซึมเศร้าเลยทีเดียว ผู้ที่ป่วยเป็นไบโพลาร์ จะมีอารมณ์แปรปรวนผิดปกติ โดยมีอารมณ์ดีมากจนผิดปกติหรืออยู่ในภาวะอารมณ์ดีตื่นตัวผิดปกติ (Mania) สลับกับมีภาวะซึมเศร้าอย่างหนัก (Depression) จึงทำให้เกิดความยากลำบากต่อการทำงาน การเข้าสังคม และการใช้ชีวิต

      อาการของโรค ไบโพลาร์

     ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์มี 2 ลักษณะเด่นสลับกัน คือ มีภาวะอารมณ์ดีผิดปกติและภาวะซึมเศร้าสลับกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยอาการแต่ละช่วง อาจมีอยู่นานเป็นสัปดาห์ หรือหลายเดือน ผู้ป่วยจะมีอาการของทั้ง 2 กลุ่ม อย่างน้อยกลุ่มละ 4-5 อาการขึ้นไป และเป็นติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์

     ช่วงอารมณ์ดีผิดปกติ (mania หรือ hyper-mania)

           1. มีความเชื่อมั่นขึ้นมากหรือคิดว่าตนยิ่งใหญ่ มีความสามารถ

           2. รู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลามีพลังงานสูงมากจนผิดปกติ

           3. ความต้องการนอนลดลง เช่น นอนแค่ 3 ชั่วโมงก็รู้สึกว่ามากพอแล้ว

           4. คิดหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน หรือรู้สึกว่าความคิดแล่นเร็ว

           5. วอกแวก ถูกดึงความสนใจได้ง่าย กระสับกระส่ายมาก

           6. พูดคุยมากกว่าปกติ หรือต้องการพูดไม่หยุด

           7. มีกิจกรรมที่มีจุดหมายเพิ่มขึ้นมาก และอาจหมกหมุ่นกับกิจกรรมนั้น จนมีโอกาสก่อให้เกิดความยุ่งยากตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การงาน/การเรียน หรือด้านเพศ เช่น ใช้จ่ายโดยไม่ยับยั้ง หรือไม่ยับยั้งใจเรื่องเพศ

           8. มีความต้องการทางเพศสูง อาจมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าได้ง่ายโดยไม่ป้องกัน

       ช่วงภาวะซึมเศร้า (Depression)


           1. มีอารมณ์ซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ของวันโดยอาจมาจากตัวผู้ป่วยเอง เช่น บอกว่ารู้สึกเศร้า หรือรู้สึกว่างเปล่า หรือจากการสังเกตของผู้อื่น เช่น เห็นว่าร้องให้ ในเด็กและวัยรุ่น อาจแสดงออกเป็นอารมณ์หงุดหงิดได้

           2. ความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลงอย่างมากรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า หรือรู้สึกผิดอย่างไม่เหมาะสมหรือมากเกินควร

           3. น้ำหนักลดลง หรือเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือเบื่ออาหาร หรือเจริญอาหาร จนผิดไปจากปกติ

           4. นอนไม่หลับ หรือนอนหลับมากเกินไป

           5. กระสับกระส่าย หรือเชื่องช้าลงจากปกติ

           6. อ่อนเพลีย หรือรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

           7. สมาธิ หรือความสามารถในการคิดพิจารณาลดลง หรือตัดสินใจอะไรไม่ได้

           8. คิดถึงเรื่องการตายอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ได้มีการวางแผนที่แน่นอน หรือพยายามฆ่าตัวตาย หรือมีแผนในการฆ่าตัวตายไว้แน่นอน

 
       สาเหตุของโรคไบโพลาร์

       สาเหตุของโรคไบโพลาร์นั้นมีได้หลายสาเหตุ โดยปัจจุบันเชื่อว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น

           • ปัจจัยทางชีวภาพ ได้แก่ ความผิดปกติของสารสื่อประสาท ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง ความผิดปกติของระบบฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ความผิดปกติของการทำงานในส่วนต่างๆ ของสมอง ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ และการตอบสนองต่อความเครียด ความกลัว หรือความตื่นเต้น

           • ปัจจัยทางจิตสังคม เช่น ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับความเครียด หรือปัญหาต่างๆ ภายในชีวิตได้ แม้ว่าปัจจัยทางสังคมจะไม่ใช่สาเหตุของโรค แต่ก็สามารถเป็นตัวกระตุ้น ที่ทำให้โรคแสดงอาการออกมาได้

           • ปัจจัยทางพันธุกรรม มีการศึกษาพบว่า จะพบโรคนี้ได้บ่อยขึ้น ในครอบครัวที่มีผู้ป่วยเป็นไบโพลาร์อยู่ โดยเฉพาะในญาติที่มีความใกล้ชิดเชื่อมโยงทางสายเลือด

           • ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ได้รับแรงกระตุ้นจากปัจจัยภายนอก ที่กระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจ เช่น ความผิดหวัง เสียใจอย่างรุนแรงหรือฉับพลัน การเจ็บป่วยทางกาย ปัญหาความสัมพันธ์กับบุคคลใกล้ชิด ความเครียดจากการเรียนและการทำงาน เป็นต้น


       การรักษาโรคไบโพลาร์

       หากคุณสงสัยว่า ตนเองหรือคนใกล้ตัวอาจเป็นไบโพลาร์ ก็ควรไปพบจิตแพทย์ โดยจะมีการตรวจร่างกาย รวมถึงตรวจเลือด หรือปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุของอาการที่ทำให้เกิดภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง จากนั้น จิตแพทย์จะใช้ชุดคำถาม เพื่อทดสอบว่าเป็นโรคไบโพลาร์หรือไม่ และเตรียมการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

       เมื่อวินิจฉัยแล้วว่า ป่วยเป็นไบโพลาร์จริง ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาตามระดับความรุนแรง และลักษณะของอาการ โดยในเบื้องต้น แพทย์จะจ่ายยาเพื่อปรับสมดุลของสารสื่อประสาท ที่เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์แปรปรวนก่อน นอกจากนี้ ผู้ป่วยไบโพลาร์จะต้องเข้ารับกระบวนการบำบัดจากจิตแพทย์อย่างต่อเนื่อง และใช้ยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเองจนกว่าแพทย์จะสั่งให้หยุดใช้ เพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมอง ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติ


       การป้องกันโรคไบโพลาร์

       แม้จะยังไม่มีวิธีที่แน่นอน ที่จะช่วยป้องกันโรคไบโพลาร์ได้ แต่ก็มีวิธีที่ช่วยป้องกัน ไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ นั่นก็คือ

           • การเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ และกินยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อให้สภาวะอารมณ์คงที่ และป้องกันการเกิดอารมณ์แปรปรวน

           • ไม่หยุดรักษา หรือเลิกกินยากลางคัน เพราะคิดว่าอาการดีขึ้นแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาเป็นได้อีก หรืออาการแย่ลงกว่าเดิม

           • ระมัดระวังเรื่องการใช้ยา เพราะจะส่งผลกระทบต่อสารเคมีในสมอง ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์

           • สังเกตอาการที่เป็นสัญญาณสำคัญของโรค หรืออาการแทรกซ้อนต่างๆ แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา

 

"นพดล ดวงพร" เสียชีวิต ปิดตำนานศิลปินอาวุโส เจ้าของวลี "เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ"


S! News (Exclusive)
สนับสนุนเนื้อหา

          ศิลปินอาวุโส "นพดล ดวงพร" เสียชีวิตแล้ว หลังเข้ารับผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ปิดตำนานหมอลำขวัญใจคนอีสาน "เพชรพิณทอง" ทิ้งเอาไว้กับวลี "เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด"

          ภายหลังจากที่ "นพดล ดวงพร" ศิลปินอาวุโส ตำนานวงดนตรีอีสานชื่อดัง เพชรพิณทอง ได้เข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ล่าสุดมีการยืนยันว่า นพพล ดวงพร ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว

          ลูกสาวของนพดล "อรนุช โกศัลวัฒน์" ได้โพสต์รูปภาพคู่กับคุณพ่อและข้อความไว้อาลัยถึงพ่อ "พ่อเหนื่อยมากแล้ว" ยืนยันว่า นพดล ดวงพร ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อเวลา 20.20 น. ระหว่างพักฟื้นหลังการผ่าตัดเนื้องอกในสมองที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงถึงข่าวลือ ระบุว่า นพดล ดวงพร ยังคงมีอาการทรงตัวดีหลังจากที่เข้ารับการผ่าตัด

          สำหรับ คุณพ่อนพดล ดวงพร เป็นผู้ก่อตั้งวงดนตรีลูกทุ่งอีสาน “เพชรพิณทอง” จนโด่งดัง และเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศอีกครั้งจากวลี “เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด” ซึ่งคุณพ่อนพดลรับบทเป็นหลวงพ่อในภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้ท่านคว้ารางวัลผู้แสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2545

          เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ได้มีกระแสข่าวว่า นพดล ดวงพร ป่วยด้วยอาการเม็ดเลือดไม่เข้ม ระบบไตไม่ทำงาน แต่ในเวลาต่อมา คุณพ่อนพดลได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นเพียงข่าวลือ และยังแข็งแรงดี แต่มีอาการป่วยโรคประจำตัวทั่วไป เช่น เบาหวาน ความดัน และเกล็ดเลือดจาง

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7825050/

ออเดอร์ทะลุล้าน! ลุงประดิษฐ์เครื่องปั่นไฟ มือปั่น 15 นาทีใช้ได้ 6 ชั่วโมง

         ยกนิ้วให้ "ลุงชื่น" ประดิษฐ์เครื่องผลิตไฟฟ้า ไร้มลพิษ ลดค่าใช้จ่ายกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ออกแรงใช้มือปั่น 15 นาที สามารถใช้ไฟได้ 6 ชั่วโมง ล่าสุดออเดอร์เข้าเป็นล้านเครื่อง

         (3 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลุงชื่น ฝันเมฆ วัย 75 ปี อดีตพนักงานการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย หลังจากเกษียณอายุราชการได้ใช้เวลากว่า 12 ปี ในการคิดค้นประดิษฐ์ต้นแบบเครื่องจักรไฟฟ้าแรงสูงประหยัดพลังงาน โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ถ่านหิน หรือแก๊ส ให้เกิดมลภาวะ เพียงใช้ระบบเฟืองเข้ามาช่วยขับเคลื่อนก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ 500 วัตต์ ได้เหมือนกระแสไฟฟ้าใช้งานทั่วไปทั้งไฟแสงสว่าง เครื่องซักผ้า แอร์ พัดลม เครื่องตัดเหล็ก นับเป็นสุดยอดมันสมองคนไทย

         โดยเครื่องดังกล่าวได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภูมิปัญญาคนไทยเอาไว้เรียบร้อย หลังจากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีคนที่ทราบข่าวโทรศัพท์มาสั่งจองเครื่องปั่นไฟฟ้าของคุณลุงชื่น ออเดอร์พุ่งเป็นนับล้านเครื่องแล้ว เพราะราคาต้นทุนการผลิตเพียง 16,000 บาทต่อเครื่อง และการันตีลดค่ากระแสไฟฟ้าได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ 

         ตัวเครื่องจักรต้นแบบที่อาจจะยังไม่สวยงาม แต่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ไม่ถึง 100 กก. ด้วยตัวถังกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร เคลื่อนย้ายสะดวก มีหัวใจเป็นไอซีบรรจุในกล่องแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า 220 โวลต์ ด้วยการใช้มือปั่นเบาๆ 15 นาที จะได้ไฟฟ้าสม่ำเสมอ 6-8 ชั่วโมง ทดลองใช้พบว่าไม่มีอาการไฟไม่ตก ใช้งานได้ระยะยาว

         ล่าสุด คุณลุงชื่น ได้นำให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าว ไปให้นำวิศวกรเข้าตรวจสอบผ่านเรียบร้อย พร้อมนำเข้าประมูลให้ผู้มีทุนซื้อสิทธิบัตรนำไปผลิตให้ผู้สนใจได้ใช้ไฟฟ้าในราคาถูก สามารถติดต่อได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ในวันและเวลาราชการ

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7822630/

iPhone รุ่นต่อไปอาจจะติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วในหน้าจอเฉพาะ ตลาดเมืองจีน

        หลังจากที่ iPhone เริ่มใช้ระบบสแกนใบหน้า หรือ Face ID มาทั้งหมด 2 รุ่น เริ่มจาก iPhone X กันมาก่อนหน้านี้ ก็ทำให้มีแนวคิดว่าระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ อาจจะหายไปจาก iPhone ตลอดไป 

        ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลออกมาว่า Apple เองก็คิดค้นระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอเหมือนกัน และยังติดตั้งกับหน้าจอ OLED ที่มีขอบบางเฉียบ คาดว่าจะออกมาทดแทนกับระบบ Face ID เพราะต้องการควบคุมต้นทุนที่สูงเกินเหตุ เพื่อตอบโจทย์ตลาดเมืองจีนที่มองมือถือกลุ่มเรือธงประมาณ 5,000 หยวน  

        ที่ผ่านมา iPhone XR เป็นมือถือที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จไม่มีฟีเจอร์ระบบสแกนใบหน้า  

        สุดท้ายแล้ว iPhone รุ่นใหม่จะมีสเปกแตกต่างระหว่างทั่วโลกหรือเมืองจีนแค่ไหนต้องติดตามกันต่อไป

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/hitech/1479309/

วันมงคลประจำเดือนกรกฎาคม 2562

Horosociety199
สนับสนุนเนื้อหา

       วันที่เป็นมงคลเหมาะแก่การประกอบพิธีอันดีงามทั้งหลาย เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ออกรถใหม่ เปิดกิจการใหม่ หมั้นหมาย แต่งงาน หรือพิธีมงคลอื่นๆ มีดังนี้ 

          - วันพุธที่ 3 กรกฎาคม เป็นวันอมฤตโชค จะมีโชคมาก ร่ำรวย

          - วันเสาร์ 6 กรกฎาคม เป็นวันอมฤตโชคและวันราชาโชค เหมาะแก่การปลุกเสกพระ เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคล

          - วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม เป็นวันราชาโชค ให้ผลถึงความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ ยศฐาบรรดาศักดิ์

          - วันศุกร์ที่ 12, วันเสาร์ที่ 20, วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม เป็นวันสิทธิโชค จะประสบความสำเร็จด้านโชคลาภ วาสนาดี

          - วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม เป็นวันมหาสิทธิโชค มีโชคลาภดี ก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา 

       วันที่ไม่ควรทำการมงคลทั้งสิ้น ถือว่าเป็นวันร้ายสามารถให้โทษ มีผลเป็นความทุกข์ ได้แก่ วันอาทิตย์และวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ ในปีนี้วันอาทิตย์เป็นวันอุบาทว์ วันจันทร์เป็นวันโลกาวินาศ รวมถึงวันที่ 2, 4, 16, 19, 23, 24, 27 กรกฎาคม

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/horoscope/163565/

ออมสินปล่อย “สินเชื่อ Street Food” เก๋กู้ดถูกใจพ่อค้าแม่ขายสายสตรีทกันถ้วนหน้า

           รู้ๆ กันอยู่ว่าเมืองไทยขึ้นชื่อของอร่อย..ไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย จะเช้า สาย บ่าย ดึก หรือจะค่ำมืดแค่ไหน ก็ไม่มีคำว่า หิว เพราะทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยแผงขายอาหารน้อยใหญ่คอยเสิร์ฟความอร่อยแบบไม่อั้น ทำให้เดี๋ยวนี้มีอาหารสตรีทฟู้ดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งความหลากหลายของประเภทอาหาร และจำนวนพ่อค้าแม่ขาย ที่ขยันครีเอทเมนูเด็ดดวงออกมาแข่งกัน

           เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการค้าขาย การสร้างหรือกระจายรายได้  และยังเป็นการยกระดับและสร้างมูลค่าให้กับผู้ประกอบการสายสตรีทฟู้ด ธนาคารออมสินเห็นถึงความสำคัญต่างๆเหล่านี้ จึงได้ปล่อย “สินเชื่อ Street Food” มาเอาใจพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายให้ต่อสายป่านกันได้แบบยาวๆ แถมยังให้กู้สูงสุดรายละไม่เกิน 3 ล้านบาท และผ่อนชำระคืนนานสูงสุด 10 ปี

           ส่วนคุณสมบัติของผู้กู้มีดังนี้..เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย โดยเป็นผู้ประกอบการขายอาหาร อาหารว่าง หรือเครื่องดื่ม หรือผู้ประกอบการตามห่วงโซ่อุปทานด้านอาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่ม มาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี มีหน้าร้านอยู่ในพื้นที่เดียวกับธนาคารออมสินสาขาที่รับเรื่องขอกู้ รวมถึงมีถิ่นที่อยู่อาศัยและสถานที่ประกอบการที่แน่นอน สามารถติดต่อได้ ส่วนหลักประกันที่ใช้ได้นั้น อาทิ บุคคลค้ำประกัน บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ

           พิเศษสุดๆ! กับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อ, ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการทำบัตรใหม่ 100 บาท สำหรับการทำบัตรออมสิน วีซ่า เดบิต สมาร์ท ไลฟ์ หรือบัตรออมสิน เดบิต สมาร์ท แคร์ ถ้าสมัครบัตรในวันทำสัญญากู้ และหากสมัครใช้บริการ MyMo ด้วยในวันนั้น ก็จะมีสิทธิ์เปิดบัญชีเงินฝากเผื่อเรียก Triple Interest ได้ โดยได้รับอัตราดอกเบี้ย 3 เท่าของบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกอีกด้วย

           ดีขนาดนี้! เจ้าของสตรีทฟู้ดห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

           ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.gsb.or.th/products/loan-business/LoanSmesGov/GSBStreetFoodLoan.aspx

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7814850/

ไม่อยากดับต้องฟัง! รูปหน้าแบบนี้ ใส่แว่นตาทรงอะไรถึงจะเกิด มั่นใจ 100%

           ถ้าจะให้พูดถึงคลังแสงแว่นตา เชื่อได้เลยว่า สาวๆ มีเก็บไว้เป็นกระบะอย่างแน่นอนค่ะ ก็แหม..เทรนด์แฟชั่นมันเปลี่ยนไปมาตลอด ผู้หญิงอย่างเราๆ ก็ต้องคอยอัปเดตกันหน่อยล่ะสิ แต่คำถามหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นในใจของสาวๆ เลยก็คือ แก..ฉันจะใส่แว่นตาทรงนี้ได้มั้ยนะ? ใส่แล้วกลัวไม่มั่นใจจังเลย? ไม่ต้องนอยด์ไปค่ะสาวๆ มาเช็กให้มันรู้กันไปเลยดีกว่าว่า ถ้าอยากจะชิคแบบมีสไตล์ รูปหน้าอย่างเราเนี่ย ใส่แว่นตาทรงอะไรถึงจะเกิด?

          เทคนิคการเลือกแว่นให้เหมาะกับรูปหน้า

          ทริคในการเลือกแว่นตาให้ตัวเองดูชิคขึ้นไม่มีอะไรมากเลยค่ะ ให้ลองสังเกตว่ารูปหน้าตัวเองเป็นทรงอะไร ก็อย่าเลือกทรงนั้นมาใส่ เพราะมันจะยิ่งทำให้ใบหน้าเราดูเป็นทรงนั้นยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่น รูปหน้ากลม ก็พยายามเลี่ยงแว่นตาทรงกลม ให้หาพวกที่มีแว่นตาที่เหลี่ยมนิดๆ หน่อยๆ มาพรางใบหน้าเรา หรือถ้าสาวๆ คนไหนหน้าเหลี่ยม การเลือกแว่นตาที่มีเหลี่ยมมาใส่ ยิ่งเป็นการทำร้ายตัวเองขึ้นไปอีก เราจะต้องหาแว่นตาทรงกลม มาใส่แทน ลองมาเช็กกันตามรูปภาพด้านล่างได้เลยจ้า…

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://women.mthai.com/beauty/beautytipandtrick/330084.html

เปิดรับลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562

          วันที่ 1 ก.ค. 2562 แฟนเพจ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความเชิญชวนให้ผู้สูงอายุ ลงทะเบียนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562 สำหรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือเบี้ยยังชีพคนชรา คือ เงินช่วยเหลือที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้กับผู้สูงอายุ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และในทุกๆ ปี จะมีการเปิดให้ผู้สูงอายุรายใหม่ๆ ที่มีสิทธิ เข้ามาลงทะเบียนเพื่อรับเงินในส่วนนี้ 

         โดยการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องไปลงทะเบียนใหม่ทุกปี ลงเพียงครั้งเดียวก็ได้รับสิทธิไปตลอด เว้นแต่กรณีที่ผู้สูงอายุย้ายที่อยู่ หรืออาจมีปัญหารายชื่อตกหล่น ถึงค่อยไปทำการยืนยันสิทธิ แก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้สมบูรณ์ 

รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการลงทะเบียนผู้สูงอายุ 2562 มีดังนี้

1. ใครมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ

สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

      -  สัญชาติไทย

      -  อายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยการลงทะเบียนช่วงต้นปี 2562 ต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503 (ผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎรระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคม ของปีนั้นๆ)

      -  ต้องไม่เคยได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ

2. ช่วงเวลาลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ 2562

      -  ช่วงเดือนมกราคม ถึง กันยายน 2562 (รับเงินงบประมาณปี 2563) สำหรับผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2503

      -  ช่วงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2562 (รับเงินงบประมาณปี 2564) สำหรับผู้ที่เกิดวันที่ 2 กันยายน 2503 – 1 ตุลาคม 2503

3. ลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2562 ได้ที่ไหน

      -  กรุงเทพฯ สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเอง หรือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นยื่นแทน ได้ที่สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

      -  ต่างจังหวัดยื่นได้ที่สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

4. หลักฐานในการลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

      -  บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานรัฐที่มีรูปถ่าย

      -  ทะเบียนบ้านตัวจริง

      -  สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารตัวจริงพร้อมสำเนา (สำหรับผู้ขอรับเงินผ่านธนาคาร)

***แต่หากผู้สูงอายุไม่สามารถมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นมายื่นคำขอรับเงินแทนได้ โดยต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

      -  หนังสือมอบอำนาจ (แบบฟอร์มมอบอำนาจขึ้นอยู่กับการดำเนินการของแต่ละพื้นที่ ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง) 
      -  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ 
      -  สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ

5. ผู้สูงอายุแต่ละคนจะได้รับเงินเท่าไร

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นรายเดือนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต โดยเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดตามช่วงอายุ ดังนี้

      -  อายุ 60 -69 ปี จะได้รับ 600 บาท/เดือน
      -  อายุ 70 -79 ปี จะได้รับ 700 บาท/เดือน
      -  อายุ 80 -89 ปี จะได้รับ 800 บาท/เดือน
      -  อายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท/เดือน

6. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รับเงินได้ทางไหนบ้าง

ผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านทางช่องทางไหนได้ตามนี้ 

      -  รับเป็นเงินสดด้วยตนเอง

      -  ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจรับแทน

      -  โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้สูงอายุ

      -  โอนเข้าบัญชีธนาคารในนามของผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูงอายุ

สำหรับผู้สูงอายุท่านใดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีความประสงค์จะรับสวัสดิการเบี้ยยังชีพ ก็อย่าลืมไปขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อย

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://news.mthai.com/general-news/742247.html