ขอรัฐ 7 ปีไม่เคยได้! หมอโพสต์ขอบคุณ ตูน บอดี้สแลม ซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยชีวิตคน

ขอรัฐ 7 ปีไม่เคยได้! หมอโพสต์ขอบคุณ ตูน บอดี้สแลม ซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยชีวิตคน
 
 
Thai Quote
สนับสนุนเนื้อหา

               หมอโพสต์ข้อความขอบคุณ "ตูน บอดี้สแลม" ซื้อเครื่อง"ลดอุณหภูมิร่างกาย"ให้ช่วยชีวิตคน บอกขอรัฐมา 7 ปีไม่เคยได้ เพจดังชี้เครื่องมือนี้สำคัญมาก

              นพ.สุรพันธ์ เจริญธัญรักษ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Suraphan Charoentanyarak เพื่อขอบคุณไปยัง นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม ที่นำเงินบริจาคจากประชาชนในโครงการ "ก้าวคนละก้าว" มาจัดซื้อเครื่องลดอุณหภูมิร่างกาย

              พร้อมกับระบุว่า ได้ของบประมาณจากภาครัฐเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ดังกล่าวมานานถึง 7 ปีแต่ไม่เคยได้ กระทั่งได้รับจากตูน โดยหวังว่าจะนำเครื่องมือนี้ไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อรักษาชีวิตคนป่วยให้ได้มากที่สุด

              นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กอีกเพจอย่าง Drama-addict ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือดังกล่าวว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง โดยระบุว่า "คือปกติเวลาคนป่วยหนักๆ เช่น หัวใจหยุดเต้น แล้วหมอปั๊มหัวใจช่วยเต็มที่จนหัวใจกลับมาเต้นได้ มันมีความเป็นไปได้ว่า ช่วงที่หัวใจหยุดเต้นไปนั่นน่ะ เลือดอาจจะไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้สมองเสียหายเพราะขาดเลือดได้ ซึ่งจะเสียหายมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าขาดเลือดนานแค่ไหน บางคนก็ฟื้นแต่สมองเสียหายไปบางส่วน ทำให้ฟังค์ชั่นการทำงานของสมองบางส่วนเสี่ยไป เช่น การเคลื่อนไหว การพูด บางคนก็ไม่ฟื้นเลย กลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิต

              เครื่องนี้ เมื่อมีคนไข้ที่หมอต้องการลดความเสียหายทางสมอง ก็จะใช้เครื่องนี้ลดอุณหภูมิร่างกายลง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์สมองตาย หรือให้เสียหายให้น้อยที่สุด ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดโอกาสที่คนไข้จะเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา และช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย

              แต่อย่างที่เห็นในข่าวคือปัจจุบันเรายังมีปัญหาเรื่องงบประมาณในการซื้ออุปกรณ์การแพทย์พวกนี้มาใช้ใน รพ.ต่างๆ ทั้งๆ ที่หมอมีความพร้อม แต่เมื่อไม่มีเครื่องมือที่เพียงพอก็ทำให้คนไข้เสียโอกาสในการรักษาตัวไปอย่างน่าเสียดาย

              ตอนนี้พี่ตูนแกกำลังจะออกวิ่งอีกรอบแล้ว อยากเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องเตรียมหยอดกระปุกกันให้พร้อม แล้วพอพี่แกวิ่งเมื่อไหร่เราก็มาเปย์กันให้หนำใจ เพื่อให้เหตุการณ์แบบในข่าวเกิดขึ้นอีกเยอะๆ ใน อีกหลายๆ รพ.ทั่วไทย"

ขอบคุณที่มา  https://www.sanook.com/news/7738950/

ไม่มีความคิดเห็น: