จนท. ยืนยันช้างป่า 2 ตัว รอดตกเหวนรก หนีหายเข้าป่าแล้ว

              จนท. ยืนยันช้างป่า 2 ตัวจากโขลงที่ผลัดตกน้ำเหวนรก หายเข้าป่าแล้ว ขณะหน่วยทหารบูรพาพยัคฆ์ร่วมติดตามสถานการณ์

              คืบหน้า ช้างป่ารวม 6 ตัวที่พลัดตกน้ำเหวนรกที่สูงกว่า 80 เมตร และไหลแรงเชี่ยวกราก เหลือรอด 2 ตัว โดยช้างว่ายน้ำจากฝั่งตรงข้ามมาฝั่งที่ปลอดภัย ทุกฝ่ายได้พยายามให้การช่วยเหลือ นำกล้วย, อ้อย, สับปะรดใส่น้ำหวาน, ยาปฏิชีวนะมาให้กิน และจะได้กู้ซากช้างที่ตาย 6 ตัว โดยล่องเรือขึ้นจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มาตามคลองต้นไทยและเดินเท้า เพื่อกู้ซากช้างป่า

              ล่าสุดเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังคงปิดหน้าด่านทางเข้าน้ำตกเหวนรก และแจ้งให้ทราบว่าช้างป่า ที่รอดตาย 2 ตัวหายไปจากจุดที่ว่ายน้ำข้ามมา คาดว่าขึ้นฝั่งไปอยู่ในป่าที่ปลอดภัย พร้อมกับชาวบ้านบริจาคกล้วย,อ้อย,ผลไม้เพื่อให้ช้างที่รอด 2 ตัว จำนวนมาก

              ล่าสุดผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ดูความคืบหน้า พบว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินทางมายังหน้าเหวนรกเพื่อเตรียมการค้นหาและช่วยเหลือช้าง โดยมีนายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ (สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 1 ปราจีนบุรี) คอยอำนวยการ พร้อมด้วยนายครรชิต ศรีนพวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

              นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ (สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 1 ปราจีนบุรี)ให้สัมภาษณ์ว่า “เจ้าหน้าที่ รายงานให้ทราบทุกๆ 2 ชม. ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาช้าง 2 ตัว อยู่ในอาการอารมณ์ดี หูโปสะบัดหางแกว่งไกวไป-มา ไม่เครียดหูกางหางชี้งวงม้วนงอ กินอาหารมากขึ้น และ ช่วงเวลา 03.00 น.ช้าง 2 ตัว ได้หายตัวจากจุดเดิมแล้ว คาดว่าน่าจะเดินหนีเข้าป่าไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว”

              ขณะเดียวกันได้มีหน่วยทหารนำโดย พล.ต.มานัส จันดี เสนาธิการกองทับบก , พ.อ.เสกสรร พรมศักดิ์ เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ร 2 รอ.) หรือ หน่วยบูรพาพยัคฆ์ เดินทางมาติดตามดูสถานการณ์ โดยนายวิชัยรายงานบรรยายสรุปสถานการณ์ให้ทราบว่า ช้าง 2ตัว น่าจะไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว

              แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ทีมค้นหายังคงจะแกะรอย ตามหาช้าง2ตัวนี้ต่อไปและอีกชุดหนึ่งจะได้ล่องเรือขึ้นจากเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มาตามคลองต้นไทยและเดินเท้า เพื่อกู้ซากช้างป่า ที่ตายทั้ง 6 ตัวต่อไป

 

ขอขอบคุณ 

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7916374/


ไม่มีความคิดเห็น: