#กราดยิงโคราช ยิงโต้ "จ.ส.อ.จักรพันธ์" กลางห้างดัง ปฏิบัติการกว่า 13 ชั่วโมง ยังจับตัวไม่ได้

        ปะทะเดือด! ยิงโต้ "จ.ส.อ.จักรพันธ์" กลางห้างดังโคราช - จนท. เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 เจ็บ 3 ปฏิบัติการ กว่า 13 ชม. ยังจับตัวไม่ได้

        ความคืบหน้าในการจับกุมตัว จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 ที่ก่อเหตุยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ ซึ่งเป็น ผู้บังคับบัญชา ของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ และ ยิง นางอนงค์ แม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เสียชีวิต

        ก่อนกลับเข้าไปในที่ทำงาน อาวุธปืนและกระสุนจำนวนหนึ่ง โดยได้ยิงทหารเวรอีก 3 นาย ก่อนจะขับรถฮัมวี่หลบหนีออกไป ทางวัดป่าศรัทธาธรรมด้านข้าง โรงเรียนบุญวัฒนา ยิงประชาชน และ บุกเข้ามาในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ยิงประชาชนที่มาใช้บริการภายในห้าง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (8 ก.พ.)

        โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธาณสุข พร้อมด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้ามายังห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีกำลังตำรวจกองปราบปราม ชุดหนุมาน และหน่วยอรินทราช รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมปฏิบัติงาน

        เมื่อเวลา​ 03.15​ น.​ 9​ ก.พ.​63​ มีรายงานว่า หลังเสียงปะทะดังขึ้นทั้งเสียงระเบิด และเสียงปืนหลายชุด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 3 นาย หนึ่งในนั้นโดนยิงที่ศีรษะด้วย และนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว จากนั้นคนร้ายพยายามหนีออกทางประตูด้านหลัง​ แต่ไม่สามารถออกไปได้

        จากนั้น เวลา 03.19 น. เกิดเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งภายในห้าง ระหว่างทยอยเคลื่อนย้ายคนเจ็บ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาคอยดูแลการปฏิบัติหน้าที่ เสียงเจ้าหน้าที่สั่งให้ ทุกคนหมอบอีกครั้งโดยให้อยู่ถอยห่างจากแนวเชือกกั้นให้ไกลที่สุด​ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทยอยนำประชาชนซึ่งเป็นเด็กและผู้ใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 5 คน ที่ยังตกค้างอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา ออกมา​ และนำส่งโรงพยาบาล

        และจนถึงขณะนี้รวมเวลากว่า 13 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/8028870/

ไม่มีความคิดเห็น: