สาวพ้นคุกคดีเสพยา กลับมาแก้บนหลังห้องขัง สภ.เมืองระยอง หลังสมใจพ้นโทษโดยเร็วและไม่ถูกครอบครัวด่า เผยขณะสวดมนต์ได้ยินเสียงแว่วบอกเลขเด็ด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการนำหัวหมู 1 หัว ขนมหวาน ผลไม้ และดอกไม้ มาวางบนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปูบนพื้นหญ้าหลังห้องขัง สภ.เมืองระยอง และกำลังนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้พร้อมด้วยธูป ก่อนจะปักธูปบนหัวหมูขนาดเขื่อง สร้างความมึนงงให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะไม่เข้าใจว่ามากราบไหว้ที่หลังห้องขังทำไม เพราะไม่มีศาลพระภูมิ หรือ องค์พระ ในบริเวณดังกล่าวเลย จากการสอบถาม ผู้หญิงคนดังกล่าว ทราบว่า ชื่อ น.ส.ภารดา อายุ 30 ปี เปิดเผยว่า ตนเองได้มีการบนบานไว้กับเจ้าที่ภายในห้องขัง เมื่อประมาณหลายเดือนก่อนขณะที่ถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด และขณะที่ถูกควบคุมตัวในห้องขัง ก็กลัวจนต้องยกมือขึ้นไหว้ในห้องขัง พร้อมกล่าวว่าหากเจ้าที่ในห้องขังมีจริง ขอให้ช่วยให้ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่เบา หากช่วยได้จะนำหัวหมูมาแก้บน จนกระทั่งถูกลงโทษบำบัด แต่เมื่อครบกำหนดจึงถูกปล่อยตัวออกมา แต่ก็ลืมแก้บน ต่อมาก็มาถูกจับกุมอีกในข้อหาเสพยาเสพติดอีก แต่ครั้งนี้ขณะที่ถูกคุมขัง ตนเองได้นั่งสวดมนต์อยู่ภายในห้องขัง ก็ได้ยินเสียงแว่วว่าหิวหมู เป็นเสียงคนแก่ จึงทำให้จำได้ว่าเคยบนบานไว้แล้วลืม จึงตั้งใจบนบานอีกครั้ง โดยกล่าวบนบานว่า หากครั้งนี้ลูกช้างพ้นโทษไม่เกิน 28 วัน และไม่ถูกครอบครัวโดยเฉพาะสามีด่าทอ เพราะต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง 5 คน ปรากฏว่าหลังถูกตัดสินบำบัด เป็นเวลา 45 วัน แต่ตนเองประพฤติดีจึงถูกลงโทษบำบัดเพียง 27 วัน และเมื่อกลับไปที่บ้าน ทางสามีและครอบครัวต่างก็ไม่ด่า แถมยังให้กำลังใจอีก จึงทำให้เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่ภายในห้องขังเป็นแน่ จึงตั้งใจว่าครั้งนี้ต้องมาแก้บนให้ได้ และตั้งใจหยุดยาเสพติดด้วย จนทำให้ร่างกายฟื้นฟูน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาถึง 13 กิโลกรัม จึงได้นำเครื่องเซ่นมาแก้บนในวันนี้ น.ส.ภารดา เปิดเผยต่ออีกว่า ตนเองอยากฝากให้ผู้ติดยาเสพติดทุกคนควรจะหยุดเสพยาเสพให้ได้ เพราะยาเสพติดทำลายทุกอย่างในชีวิต ซึ่งตนเองกำลังพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อหยุดให้ได้ จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัว และอยากฝากโชคลาภให้ทุกคน เพราะคืนก่อนได้ยินเสียงแว่วขณะสวดมนต์ในห้องได้ยินเสียงบอกว่า 79 ก็ลองเสี่ยงโชคดูกัน ต่อมาหลังจากธูปหมดจึงได้เก็บหัวหมูและเครื่องเซ่นกลับ เตรียมเอาไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน เพื่อจะได้โชคดีกันถ้วนหน้า ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7968430/

ชาวนครศรีธรรมราชร้องเร่งกู้ชีวิต "ต้นยางนาโบราณ" อายุหลายร้อยปี ก่อนจะยืนต้นตาย เหตุลาดยางแอสฟัลท์-เทคอนกรีตทับพื้นที่โคนต้น บริเวณตัวเมืองนครศรีธรรมราช นับเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีต้นยางนาโบราณอายุหลายร้อยปียืนต้นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแนวถนนราชดำเนิน ตลอดทั้งสายแม้ว่ามีการตัดโค่นไปไม่น้อย แต่สำนึกในการอนุรักษ์ทำให้เห็นคุณค่าของไม้โบราณเหล่านี้ โดยล่าสุดวันนี้ (30 พ.ย.) มีรายงานว่าพบต้นยางนาโบราณอายุหลายร้อยปี กำลังยืนต้นค่อยๆ แสดงอาการยืนต้นตาย บริเวณริมด้านหน้าโรงเรียนอำมาตย์พิทยานุสรณ์ ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยต้นยางนาโบราณต้นนี้นั้น ยืนต้นสูงจากพื้นมากกว่า 30 เมตร ทรงพุ่มเริ่มทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด กิ่งหลักและกิ่งแขนงเริ่มผุหัก โดยต้นยางนาขนาดเดียวกันที่อยู่ติดกันถูกตัดโค่นไปแล้วก่อนหน้านี้ 1 ต้น เนื่องจากยืนต้นตายจากสาเหตุการขยายผิวถนนลาดยางแอสฟัลท์ทับจนมิด และหล่อคอนกรีตทางเท้าทับจนระบบรากเสียหายไม่สามารถยืนต้นต่อไปได้ สำหรับยางนาต้นนี้ยืนต้นมาตั้งแต่ก่อนสมัยรัชกาลที่ 6 และก่อนที่จะมีการก่อตั้งกองทัพภาคที่ 4 นายณัฐวุฒิ ภารภพ นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนนครศรีธรรมราช ผู้บริหารโรงเรียนอำมาตย์พิทยานุสรณ์ กล่าวว่าสภาพต้นยางนาต้นนี้น่าจะอยู่ในวิสัยที่ฟื้นฟูได้ หากทางการเข้ามาดูแลฟื้นฟูได้ในตอนนี้น่าจะทำได้ เพราะสภาพต้นยังมีชีวิต ยังสด อยากจะขอความกรุณา ต้นไม้ใหญ่หายาก อยากให้มีไว้ เช่นที่จังหวัดลำพูนหรือที่ไหนๆที่เขาอนุรักษ์ไว้ ต้นไม้เช่นนี้มีน้อยแล้ว เด็กไม่ค่อยรู้จัก ต้นนี้อยู่ในเมือง อนุรักษ์ไว้จะเป็นอุปกรณ์การสอนเด็กได้เป็นอย่างดี ควรอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่ายังมีกลุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ริมถนนราชดำเนิน ช่วงหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นไม้เก่าแก่อายุหลายร้อยปีเช่นเดียวกันอยู่ในสภาพที่ขาดการดูแลมีการหล่อคอนกรีตล้อมรอบทำให้สภาพต้นไม้เริ่มทรุดโทรมเช่นเดียวกัน โดยหากไม้กลุ่มนี้ถูกโค่นล้มไปจะเป็นไม้ยางนาอายุหลายร้อยปีดั้งเดิมกลุ่มสุดท้ายที่จะสูญหายไปจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ขอขอบคุณ ข้อมูล : https://www.sanook.com/news/7968603/

ไม่มีความคิดเห็น: